กนอ.เผยนิคมอุตสาหกรรมสงขลา ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลาเตรียมเปิดบริการเฟสแรกตุลาคมนี้ ขณะที่นักลงทุนสิงคโปร์-มาเลเซีย-ไทย สนใจลงทุนจำนวนมาก แย้มหากใช้พื้นที่เต็มจำนวนจะสร้างมูลค่าการลงทุนกว่า 13,000 ล้านบาท
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยความคืบหน้าการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมสงขลา ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน จังหวัดสงขลา (SEZ) ที่เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2562 ว่า การก่อสร้างแบ่งเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 การก่อสร้างบนพื้นที่ 629 ไร่ แบ่งเป็นเขตประกอบการทั่วไปและเขตพาณิชยกรรม 337 ไร่ ที่เหลือเป็นพื้นที่ระบบสาธารณูปโภคและพื้นที่สีเขียวและแนวกันชน 292 ไร่ ปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้าประมาณ 35% โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2563 ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ขณะเดียวกัน ระหว่างการก่อสร้างหรือพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสงขลา มีนักลงทุนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก อาทิ นักลงทุนจากประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ และกลุ่มนักลงทุนในไทย โดยล่าสุดมีการทำสัญญาจองเช่าที่ดินแล้ว 1 ราย พื้นที่ 15 ไร่ เพื่อประกอบธุรกิจคอมมิวนิตี้มอลล์ และสถานีบริการน้ำมัน สำหรับการก่อสร้างระยะที่ 2 พื้นที่ประมาณ 298 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งมอบที่ดินจากกรมธนารักษ์ คาดว่าจะส่งมอบที่ดินให้ กนอ.ได้ภายในเดือนเมษายน 2563
นิคมฯ ดังกล่าวนับเป็นศูนย์อุตสาหกรรมแปรรูปเพื่อการส่งออกและการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ มีมูลค่าการลงทุนโครงการประมาณ 2,890.402 ล้านบาท ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงหมายเลข 4 ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา มีพื้นที่รวมทั้งหมด 927 ไร่ โดยเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการ และใช้พื้นที่เต็มประสิทธิภาพแล้ว จะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 13,800 ล้านบาท และอัตราการจ้างงานในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 3,400 อัตรา
จังหวัดสงขลา ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการลงทุนสูงเนื่องจากมีที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ (Strategic Location) ด้านชายแดนไทย-มาเลเซีย อีกทั้งมีโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ล่าสุดเตรียมเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ 2 รองรับการค้าชายแดน และตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยได้จัดสร้างทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) บริเวณจุดตัดกับทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) อำเภอบางกลํ่า จังหวัดสงขลา มีจุดสิ้นสุดที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ใกล้กับด่านศุลกากรสะเดา แห่งที่ 2 รวมระยะทาง 70.43 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงระบบการคมนาคมขนส่งอย่างครบวงจรระหว่างอำเภอหาดใหญ่ และอำเภอสะเดา และเพิ่มประสิทธิภาพระบบการขนส่งสินค้าสำหรับการค้าชายแดนในภูมิภาคได้เป็นอย่างดี