xs
xsm
sm
md
lg

“เรือยอชต์” ของเล่นเศรษฐี สู่ธุรกิจเช่าเหมาลำ 7 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด - ยกระดับการท่องเที่ยวพัทยา และภูเก็ต สู่เดสติเนชันแห่งความไฮโซ ผ่านมหกรรมงานแสดงเรือยอชต์ หลังพบเศรษฐีไทยถือครองซูเปอร์เรือยอชต์ร่วม 50 ลำ ราคาเบาๆ ขั้นต่ำแค่ 300 ล้านบาท จอดเฉยๆ ไม่เกิดผล “โอเชี่ยน” บูมเรือซูเปอร์ยอชต์สู่ธุรกิจเช่าเหมาลำ พลิกภาพพัทยาจากไนท์ไลฟ์ สู่เดสติเนชันใหม่ของโลก ฟาก “เวอร์เวนเทีย” ชูภูเก็ตสู่การเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมและธุรกิจการท่องเที่ยวทางเรือและเรือสำราญในเอเชีย

รู้หรือไม่ ปัจจุบันท้องทะเลในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมและก้าวขึ้นเป็นหนึ่งของจุดหมายปลายทางในการแล่นเรือยอชท์และเรือสำราญที่สวยงามที่สุดในโลก ทัดเทียมกับแหล่งล่องเรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และแคริบเบียนของเหล่ามหาเศรษฐีทั่วโลกที่นิยมแล่นเรือยอชต์กัน และความนิยมนี่เองถือเป็น “ของเล่น” ชิ้นใหม่ ที่เศรษฐีไทยหันมาครอบครองเพื่อเป็นเจ้าของกันมากขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

เรือยอชต์ ของเล่นเศรษฐีไทย พุ่ง 15% ทุกปี


จากข้อมูลของทาง โอเชี่ยน มารีน่า ยอชท์ คลับ ตั้งแต่ปี 2555 ที่ผ่านมา กับการจัดงานโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ที่จัดต่อเนื่องทุกปี ได้มีการเก็บข้อมูลพบว่า คนไทยเริ่มหันมาเป็นเจ้าของเรือยอชต์มากขึ้น โดยเมื่อปี 2555 จำนวนเรือยอชต์ส่วนตัวมีเพิ่มขึ้นถึง 15% และกว่า45% ของเรือยอชต์ที่เข้ามาจอดในโอเชี่ยน มารีน่า ยอชท์ คลับ ที่มีเจ้าของเป็นคนไทย ที่สำคัญพบว่า เฉพาะในระดับซูเปอร์เรือยอชต์ หรือมีราคาตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป ที่เศรษฐีไทยเป็นเจ้าของนั้นมีไม่ต่ำกว่า 50 ลำ หรือคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 15,000-20,000 ล้านบาท

จากตัวเลขการครอบครองเรือยอชต์ของคนไทยที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้น หากจอดเอาไว้เฉยๆ ย่อมไม่เกิดผล อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงดูแลรักษา และการเช่าพื้นที่จอดต่อปีสูง ตั้งแต่ระดับหลักแสนถึงล้านบาทขึ้นไป ทำให้ธุรกิจเช่าเหมาลำล่องเรือกลางทะเล กลายมาเป็นตัวช่วยที่ทำให้ของเล่นเศรษฐีชิ้นนี้สร้างมูลค่าคืนกลับมาได้บ้าง


นายสก็อต พินสเตน ผู้จัดการท่าเรือ โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ กล่าวว่า ปัจจุบันการเติบโตของการท่องเที่ยวทัวร์เรือยอชต์ กับการเช่าเรือยอชต์เหมาลำแบบส่วนตัวฝั่งทะเลภาคตะวันออกของไทยได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากจากชาวไทยกลุ่มมิลเลนเนียล และเจนเอ็กซ์ คิดเป็นสัดส่วน 60% ของกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยทั้งหมด โดยช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

ส่วนสำคัญเกิดจากพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเล ที่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 14.8 ล้านคนในปี 2560 และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอด 2 ปีมานี้ ส่งผลให้กลุ่มเศรษฐีไทยที่ครอบครองเรือยอชต์อยู่ในขณะนี้ มีหลายรายที่สนใจนำเรือของตัวเอง เข้าสู่ธุรกิจเช่าเหมาลำมากขึ้น หลังจากพบว่าธุรกิจเช่าเรือยอชต์แบบเหมาลำมีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านบาทในปี 2561 ที่ผ่านมา และมีโอกาสเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% เห็นได้จากกลุ่มนักท่องเที่ยวเรือยอชต์แบบทริปรายวันที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับปี2561ที่ผ่านมา และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพัทยาที่นิยมล่องเรือยอชต์แบบรายวัน ได้แก่ นักท่องเที่ยวไทย, จีน, รัสเซีย, เกาหลี, อินเดีย, และเยอรมนี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวคนไทยมีจำนวนมากเป็นอันดับ 3 และเพิ่มขึ้นกว่า 90% เมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีก่อนหน้า หรือนับตั้งแต่ปี 2553 มีนักท่องเที่ยวล่องเรือแบบวันเดย์ทริป 26,766 คน เพิ่มขึ้นเป็น 222,390 คนในปี 2560 และในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 มีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกกว่า 66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งช่วยผลักดันให้พัทยาเป็นจุดศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเรือยอชต์ในอ่าวไทย

ขณะที่ค่าใช้จ่ายของการท่องเที่ยวเรือยอชต์นั้น เฉลี่ยอยู่ที่ 2,500 บาทต่อคนต่อวัน ขณะที่แบบเช่าเหมาลำมีเพิ่มมากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะใช้จ่ายเฉลี่ยที่ 10,000 บาทต่อคนต่อวัน ส่วนการเช่าเรือยอชต์แบบเหมาลำส่วนตัวมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 30,000 บาท สำหรับครึ่งวัน ขณะที่การเช่าเหมาลำซูเปอร์เรือยอชต์ เริ่มต้นที่ 700,000 บาทต่อวัน ซึ่งการเช่าเรือเหมาลำส่วนตัวได้รับความนิยมมากที่สุด

บูมพัทยา-ภูเก็ต สู่เดสติเนชัน “ล่องเรือกลางทะเล”

จากการที่ทะเลไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นหนึ่งในเดสติเนชันด้านการล่องเรือยอชต์ของโลก พบว่า ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีเรือยอชต์จากต่างประเทศเข้ามาเทียบท่า ไม่ต่ำกว่า 2,500-3,000 พันลำต่อปี ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่ภูเก็ตและอันดามันมากถึง 95% มีเพียง 5% ที่เข้ามายังอ่าวไทยและเทียบท่าอยู่ที่พัทยา ในส่วนของพัทยาเองนั้นพยายามผลักดันตัวเองให้กลายเป็นเดสติเนชันของการล่องเรือยอชต์มากขึ้น


โดย นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ กล่าวว่า ชายฝั่งทะเลตะวันออกของไทยปัจจุบันเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และเป็นศูนย์กลางเพื่อการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาค ซึ่งจะพร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นสนามบินนานาชาติ รถไฟและถนนสายหลัก ผ่านการลงทุนเพื่อโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ยุทธศาสตร์การลงทุนครั้งสำคัญของประเทศที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสู่ระดับภูมิภาค

ในฐานะผู้จัดงาน โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ นับได้ว่า งานนี้เป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์อีเวนต์ที่กระตุ้นการท่องเที่ยวทางทะเลของภาคตะวันออก จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2555 และมีจัดต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2561 ที่ผ่านมามีผู้เข้าเยี่ยมชมงานทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 6,000 คน เพิ่มขึ้น 5% จากปี 2560 และโดยภาพรวมแล้วตั้งแต่ปีแรกจนถึงปีที่ 2560 มีจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมงานเพิ่มขึ้นกว่า 183%

“เราลงทุนในการจัดงานมากกว่า 10 ล้านบาทต่อปี ทั้งในด้านการจัดงานและการตลาดทั้งในและต่างประเทศ สำหรับในปี 2562 ถือเป็นครั้งที่ 8 โดยจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 21-24 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา ณ โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดร่วม 2,500 ล้านบาท หวังกระตุ้นท่องเที่ยวทางทะเล และบูมพัทยาสู่เดสติเนชั่นล่องเรือยอชท์แห่งใหม่ของโลก ลบภาพไนท์ไลฟ์พัทยาอย่างที่ผ่านมา โดยคาดหวังผู้เยี่ยมชมงานเพิ่มขึ้นประมาณ 20% นอกจากนั้นยังคงมุ่งหวังให้การจัดงานเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการกระตุ้นธุรกิจและการท่องเที่ยวทางทะเลของภูมิภาค ในการโปรโมทธุรกิจสินค้าและการบริการที่เกี่ยวข้อง พร้อมนำเสนอความสวยงามของชายฝั่งทะลและเกาะต่างๆ ในฝั่งภาคตะวันออกสู่สายตาคนทั่วโลก พร้อมๆ กับแนะนำไลฟ์สไตล์การล่องเรือให้กับนักท่องเที่ยวไทย

สำหรับทางด้านภูเก็ต ถือเป็นจุดจอดเรือและเป็นเดสติเนชันหลักของการล่องเรือยอชต์ โดยนายแอนดี้ เทรดเวลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เวอร์เวนเทีย (Verventia) ผู้จัดงานไทยแลนด์ยอชต์โชว์ กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นที่ยอมรับในฐานะหนึ่งในจุดหมายปลายทางชั้นนำของการแล่นเรือยอชท์และเรือสำราญที่สวยงามที่สุดในโลก ทัดเทียมกับแหล่งล่องเรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและแคริบเบียน ภูเก็ตจึงควรค่าแก่การเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมและธุรกิจการท่องเที่ยวทางเรือและเรือสำราญในเอเชีย ซึ่งไม่เพียงความสวยงามของทิวทัศน์ทั้งบนบกและทางทะเล เกาะต่างๆ น้ำทะเลสีครามใส และแนวปะการังอันอุดมสมบูรณ์ แต่ภูเก็ตยังมีความพร้อมทั้งในด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ท่าเรือมารีนา โรงแรมและบริการต่างๆ ในระดับเวิลด์คลาส ความสำเร็จของงานไทยแลนด์ ยอชต์โชว์ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจเรือของท้องถิ่นในฐานะตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์ ดีลเลอร์ โบรกเกอร์ และผู้ให้บริการกับธุรกิจและลูกค้าใหม่ๆ

ล่าสุดทางเวอร์เวนเทียร์ ได้จัดงานแสดงเรือยอชต์และไลฟท์สไตล์สุดหรู “ไทยแลนด์ยอชท์โชว์ ครั้งที่ 5” ขึ้นตั้งแต่วันที่ 9-12 มกราคมที่ผ่านมา ณ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า จังหวัดภูเก็ต โดยมีจุดประสงค์เพื่อดึงดูดบรรดาผู้ที่ชื่นชอบเรือยอชต์ และไลฟ์สไตล์ระดับหรูจากทั่วโลก พร้อมทั้งยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจเรือยอชท์ระดับโลกแห่งเอเชีย และเป็นแพลตฟอร์มการตลาดที่สำคัญเพื่อการสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจในท้องถิ่น ผ่านงานเปิดตัวเรือยอชท์ระดับหรูรุ่นใหม่จากหลากหลายแบรนด์ดัง ตลอดจนกิจกรรมไลฟ์สไตล์ชั้นสูงของเอเชีย โดยภายในการจัดงานครั้งนี้ มีกลุ่มผู้แทนจำหน่าย ผู้ผลิต และอู่ต่อเรือชั้นนำของโลก นำเรือรุ่นใหม่มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน ตลอดจนแบรนด์สินค้าชั้นนำ เอเยนซีบริษัทเรือเช่าเหมาลำ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และยนตกรรมระดับหรู รวมถึงธุรกิจโรงแรม อาหารและเครื่องดื่มต่างๆ พร้อมนำเสนอบริการแก่ผู้เข้าชมงานและผู้มั่งคั่งจากทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งกลุ่มผู้ซื้อและเจ้าของเรือยอชต์จำนวนมาก ซึ่งเดินทางมาเพื่อเลือกซื้อสินค้าและบริการระดับไฮเอนด์ภายในงานครั้งนี้

ที่สำคัญ “ไทยแลนด์ ยอชต์ โชว์” เป็นงานแสดงเรือยอชต์ที่นำเสนอประสบการณ์ระดับพรีเมียร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย เพื่อมุ่งส่งเสริมชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางเรือยอชต์ เรือสำราญและมารีนาแห่งเอเชีย และเพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวทางเรือยอชต์จากต่างชาติ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีบนริมฝั่งท้องทะเลอันดามันอันสวยงามของอ่าวพังงา เพื่อให้ผู้เข้าร่วมชมงานได้สัมผัสประสบการณ์ครบทุกรูปแบบของไลฟ์สไตล์การล่องเรือยอชต์ บนหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการล่องเรือที่สวยงามที่สุดของโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น