“พาณิชย์”เผยผลการจัดงานสร้างเครือข่ายและขยายตลาดส่งออกด้วยเอฟทีเอสำเร็จเกินคาด เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ และผู้ประกอบการท้องถิ่น ที่นำสินค้ามาจัดแสดงและจำหน่าย ทำยอดขายได้กว่า 1.5 ล้านบาท บางรายได้ต่อยอดการสั่งซื้อ มีโอกาสส่งออกต่างประเทศโดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการจัดงาน “สร้างเครือข่ายและขยายตลาดส่งออกด้วยเอฟทีเอ” เมื่อวันที่ 24–28 ม.ค.2562 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ว่า การจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ มีผู้เข้าชมงานคึกคักตลอดทั้ง 5 วัน โดยเฉพาะในส่วนของการนำเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ และผู้ประกอบการจากจังหวัดต่างๆ นำสินค้ามาร่วมออกบูธจำนวน 40 ราย ก็ประสบความสำเร็จสามารถขายสินค้าได้มียอดรวมกว่า 1.5 ล้านบาท และยังได้ยอดการสั่งซื้อสินค้า การจับคู่ธุรกิจติดต่อให้ผลิตสินค้า (OEM) การร่วมทุน รวมทั้งบางรายสามารถต่อยอดส่งออกไปยังต่างประเทศโดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอที่มีแต้มต่อให้สินค้าไทยไม่ต้องเสียภาษี
สำหรับสินค้าดาวเด่นที่มียอดจำหน่ายสูง เช่น กระเป๋า ซึ่งมีการสร้างสรรค์ออกแบบลวดลายโดยใช้ผ้าไทยจากจังหวัดต่างๆ ละมุดออร์แกนิกสุโขทัย เจาะตลาดกลุ่มผู้รักสุขภาพได้ดี ข้าวเกรียบปลานัสรีนปัตตานี ที่มีความหลากหลาย รสชาติกลมกล่อม หอมแดงศรีสะเกษ ที่มีเปลือกบางวงหอมแน่น รสชาติหวาน เผ็ดร้อน และผ้าบาติกเดอนาราปัตตานีที่มีการออกแบบทันสมัย ลวดลายแปลกตา สวมใส่สบาย รวมถึงเครื่องประดับจากอุบลราชธานี ที่มีการออกแบบลวดลายประยุกต์ ใช้งานได้หลายโอกาส เป็นต้น
“นอกจากผู้ประกอบการจะได้จำหน่ายสินค้าแล้ว ยังมีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงทดลองตลาดและเรียนรู้ความต้องการของลูกค้า เพื่อไปพัฒนาต่อยอดสินค้า สร้างเครือข่าย และสร้างโอกาสในการขยายตลาดส่งออกด้วยเอฟทีเอด้วย”
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่กรมฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้และการใช้ประโยชน์จากความตกลงเอฟทีเอให้กับกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ รวมถึงเห็นจุดเด่นและศักยภาพของสินค้าจากกลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน จึงได้เชิญเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ที่เคยเข้าร่วม “โครงการเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” และ “โครงการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สู่ตลาดอาเซียน” กับกรมฯ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มาร่วมงานสัมมนา สร้างเครือข่ายธุรกิจ และขยายตลาดในเขตกรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการตลาดให้กับสินค้าของไทย ซึ่งนอกจากจะขายในประเทศได้แล้ว ยังสามารถส่งออกไปต่างประเทศโดยใช้ช่องทางและประโยชน์จากเอฟทีเอได้อีก
ทั้งนี้ ปัจจุบันเอฟทีเอทั้ง 13 ฉบับ กับ 18 ประเทศ ที่ไทยมีอยู่ พบว่า สินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป เครื่องใช้ในสวน เครื่องประดับ สิ่งทอ เป็นสินค้าที่ประเทศคู่เอฟทีเอส่วนใหญ่ เช่น อาเซียน จีน และญี่ปุ่น ได้ยกเลิกเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าส่งออกจากไทยแล้ว เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยจึงสามารถผลิตสินค้าให้มีคุณภาพสนองความต้องการของตลาด และสามารถแข่งขันกับสินค้าประเภทเดียวกันที่ยังต้องถูกเก็บภาษีศุลกากรจากประเทศผู้นำเข้าได้