กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศผนึกกำลังกระทรวงเกษตรฯ สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคมกาแฟไทย ลงพื้นที่ติวเข้มเกษตรกรและผู้ประกอบการกาแฟพื้นที่ภาคเหนือ ช่วยเสริมแกร่งเรื่องการตลาด ชี้ช่องการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายตลาด และการเพิ่มมูลค่ากาแฟ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2562 ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สภาเกษตรกรแห่งชาติ จัดงานให้ความรู้เรื่องสถานการณ์กาแฟไทยและโลก การใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายตลาดกาแฟ และการเพิ่มมูลค่ากาแฟ เช่น การขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เป็นต้น ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ผู้ประกอบการกาแฟ ณ ศูนย์การเรียนรู้กาแฟ เดอะ คอฟฟีเนอรี่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และยังได้ร่วมกับสมาคมกาแฟไทย สมาคมบาริสต้าไทย กลุ่มวิสาหกิจพยัคฆ์กาแฟ และบริษัท พานาคอฟฟี่ จำกัด เข้าร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการพัฒนาคุณภาพและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กาแฟไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก
“ทุกภาคส่วนเห็นตรงกันว่าคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ หากสามารถรักษาคุณภาพ มาตรฐาน ของกาแฟได้อย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก การเก็บ การคั่ว และแปรรูป จะทำให้กาแฟไทยมีความน่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค”
ทั้งนี้ กรมฯ ยังได้ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ต.เทพเสด็จ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยพบว่า เกษตรกรในพื้นที่มีความพร้อม มีศักยภาพในการแข่งขัน และมีความใส่ใจในเรื่องคุณภาพ เนื่องจากมีการรวมกลุ่มควบคุมคุณภาพตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกาแฟเทพเสด็จได้รับการขึ้นทะเบียน GI แล้ว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปช่วยส่งเสริมเรื่องการตลาดและแนะนำการใช้ประโยชน์เอฟทีเอในการขยายตลาดกาแฟไทยสู่ต่างประเทศ รวมทั้งเรื่องการจดเครื่องหมายการค้า และการขยายแฟรนไชส์ เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่และภูมิอากาศที่เหมาะสมในการปลูกกาแฟสายพันธุ์อะราบิกา ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกกาแฟมากถึง 19 อำเภอ สำหรับอำเภอดอยสะเก็ด มีการปลูกกาแฟมากเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ปลูกถึง 7,414 ไร่