บอร์ด รฟม.หั่นค่าโดยสารสายสีม่วง เหลือไม่เกิน 20 บาทตลอดสายทั้งวัน ตามนโยบายลดค่าครองชีพ “ศักดิ์สยาม” เร่งชง ครม.เห็นชอบ ทดลอง 3 เดือน คาดสูญรายได้ 15 ล้าน/เดือน ดึงรายได้สัมปทานชดเชย ส่วนสีน้ำเงินเล็งออกตั๋วเดือนหลังเปิดส่วนต่อขยายครบ มี.ค. 63
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟม.วันนี้ (11 ธ.ค.) เห็นชอบการปรับลดอัตราค่าโดยสาร รถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ ค่าโดยสาร 14-20 บาท ตลอดทั้งวัน (05.30-24.00 น.) จากค่าโดยสารปกติ 14-42 บาท ซึ่งปรับเปลี่ยนจากเดิมที่บอร์ดเคยอนุมัติให้ลดราคาเฉพาะช่วงนอกเวลาเร่งด่วน (Off Peak) ช่วงเวลา 09.00-17.00 น.
โดยจะกำหนดเป็นมาตรการระยะ 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 2562 - 31 มี.ค. 2563 โดยมีการประเมินผลเก็บตัวเลขทุกเดือน ซึ่งเป็นมาตรการลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนตามนโยบาย รมว.คมนาคม ที่ให้ลดราคาโดยไม่มีเงื่อนไข โดยเห็นว่าช่วงเร่งด่วนเช้าและเย็น มีผู้โดยสารจำนวนมาก ควรได้รับการลดค่าครองชีพด้วย จากการวิเคราะห์ตัวเลขพบว่า การลดค่าโดยสารเหลือ 20 บาทตลอดสายทั้งวันจะทำให้สายสีม่วงมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 17.8% จากปัจจุบันที่มีผู้โดยสารเฉลี่ย 6 หมื่นคนต่อวัน ขณะที่คาดว่าจะสูญรายได้จากการลดราคานี้ประมาณ 15 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 45 ล้านบาท ช่วง 3 เดือน โดย รฟม.จะนำรายได้จากส่วนแบ่งรายได้ค่าสัมปทาน และการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งมีประมาณ 3,500 ล้านบาทต่อปีมาอุดหนุน
ทั้งนี้ รฟม.จะสรุปเสนอกระทรวงคมนาคมภายในวันที่ 13 ธ.ค. เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 17 ธ.ค.เนื่องจากตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังปี 2561 มาตรา 27 กำหนดให้เสนอ ครม.อนุมัติกรณีมีผลที่ทำให้รัฐมีรายได้ลดลง
ส่วนผู้โดยสารที่เดินทางรถไฟฟ้า MRT 2 สาย คือ สีน้ำเงิน และสีม่วงต่อเนื่องกัน ซึ่งมาตรการเดิมจะมีตั๋วเดือน 4 ประเภท จะพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากตั๋วแบบ 50 เที่ยว (ราคาจำหน่าย 2,350 บาท) มีค่าโดยสารต่ำสุดที่ 47 บาทต่อเที่ยว (ราคาจำหน่าย 2,350 บาท) นั้น หาก ครม.เห็นชอบลดค่าโดยสารสีม่วงเหลือ 20 บาท จะทำให้การใช้รถไฟฟ้าเชื่อม 2 สาย เหลือค่าโดยสารสูงสุด 48 บาทเท่านั้น โดยจ่ายสีม่วง 20 บาท สีน้ำเงินจ่ายสูงสุด 28 บาท (คิดจากราคาสูงสุด 42 บาท หักค่าแรกเข้า 14 บาท) ซึ่งจะจูงใจมากกว่าตั๋วเดือนที่ต้องจ่ายเป็นเงินมากกว่าในการซื้อต่อครั้ง
โดยการลดค่าโดยสารดังกล่าว สนข.ได้วิเคราะห์ว่าจะทำให้ประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นซึ่งจะมีผลดีทางอ้อม 5 ด้าน คิดเป็นมูลค่าถึง 38.7 ล้านบาทต่อเดือน ได้แก่ 1. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้รถยนต์ 12.57 ล้านบาท 2. ประหยัดเวลาเดินทาง 14.6 ล้านบาท 3. ลดมูลค่าการสูญเสียจากอุบัติเหตุ 570,000 บาท 4. ค่าความสุขที่ประชาชนได้รับ 10.2 ล้านบาท 5. ลดมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม 630,000 บาท
อย่างไรก็ตาม รฟม.จะดำเนินการส่งเสริมและจูงใจประชาชนใช้รถไฟฟ้าสายสีม่วงเพิ่มเช่น ร่วมกับ ขสมก.ในการจัดรถ Shuttel Bus เชื่อมจากหมู่บ้านหรือชุมชนกับสถานี
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าฯ รฟม.กล่าวว่า ส่วนการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในรูปแบบตั๋วเที่ยวนั้น รฟม.ได้หารือกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ในฐานะผู้รับสัมปทานเบื้องต้น แล้ว แต่เนื่องจากสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายยังอยู่ระหว่าการทยอยเปิดเดินรถ ล่าสุดได้เปิดทดลองช่วงเตาปูน-สิรินธร และสิ้นเดือน ธ.ค.นี้จะขยายจากสิรินธร-ท่าพระ ทำให้จำนวนผู้โดยสารยังไม่นิ่ง จึงต้องรอหลังเปิดให้บริการส่วนต่อขยายอย่างเป็นทางการปลายเดือน มี.ค. 2563 ก่อนจึงจะกำหนดมาตรการค่าโดยสารตั๋วเที่ยวได้