กรมเจรจาฯ เผยเอฟทีเอช่วยดันยอดส่งออกสินค้าปศุสัตว์ เตรียมลุยต่อถกคู่เจรจาลดภาษีลงอีก

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยเอฟทีเอดันส่งออกสินค้าปศุสัตว์พุ่ง 10 เดือนขายไปยังประเทศคู่เจรจา 2,387 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 71% ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่ม 9% ระบุตลาดจีนโตแรง ตามด้วยเกาหลีใต้ ฮ่องกง และญี่ปุ่น มีไก่แปรรูปและไก่สดแช่เย็นแช่แข็งเป็นสินค้าดาวรุ่ง เตรียมถกคู่เจรจาลดภาษีต่อ หลังล่าสุด 18 ประเทศ เลิกภาษีให้ไทยแล้ว 9 ประเทศ อีก 9 ประเทศเลิกบางส่วน เก็บบางส่วน พร้อมหารือคู่เจรจาเอฟทีเอใหม่ลดภาษีด้วย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การส่งออกสินค้าปศุสัตว์ของไทยในช่วง 10 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ต.ค.) พบว่าความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้มูลค่าการส่งออกสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการส่งออกสินค้าปศุสัตว์สู่ตลาดโลกได้มูลค่า 3,373 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.5% เป็นการส่งออกไปยังประเทศคู่เอฟทีเอ 2,387 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 71% ของการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ของไทยทั้งหมด เพิ่มขึ้น 9%

โดยตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัว เช่น จีน มูลค่าส่งออก 181 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 234% เกาหลีใต้ ส่งออก 134 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 43% ฮ่องกง ส่งออก 86 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 5% และญี่ปุ่น ส่งออก 1,498 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 3% มีไก่แปรรูป และไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เป็นสินค้าส่งออกดาวเด่น ซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 1 และ 5 ของโลกตามลำดับ และมีมูลค่าการส่งออกในช่วง 10 เดือน มูลค่า 2,802 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8%

นางอรมนกล่าวว่า ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีของไทยที่มีจำนวน 13 ฉบับ กับ 18 ประเทศ มีประเทศคู่เอฟทีเอที่ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ทุกรายการของไทยแล้ว 9 ประเทศ ได้แก่ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เมียนมา บรูไน และฮ่องกง ส่วนอีก 9 ประเทศคู่เอฟทีเอที่เหลือ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ชิลี เปรู เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว ได้ลดเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าปศุสัตว์บางส่วน และคงการเก็บภาษีนำเข้าในสินค้าบางรายการ ซึ่งกรมเจรจาฯ พร้อมเดินหน้าผลักดันให้ประเทศคู่ค้าเปิดตลาดสินค้าปศุสัตว์เพิ่มเติมให้ไทยภายใต้การเจรจาเอฟทีเอกรอบต่างๆ ทั้งการทบทวนความตกลงเอฟทีเอที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน ความตกลงเอฟทีเอที่อยู่ระหว่างการเจรจากับตุรกี ปากีสถาน และศรีลังกา รวมถึงการเจรจาเอฟทีเอในอนาคต เช่น สหภาพยุโรป (อียูป ที่เป็นหนึ่งในตลาดส่งออกสินค้าปศุสัตว์ที่สำคัญของไทย

ทั้งนี้ หากแยกเป็นรายตลาด พบว่า จากปีที่ความตกลงเอฟทีเอแต่ละฉบับมีผลใช้บังคับจนถึงปี 2561 มูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ของไทยไปประเทศคู่เอฟทีเอขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกตลาด เช่น อาเซียน เพิ่ม 4,316% จีน เพิ่ม 2,743% เกาหลีใต้ เพิ่ม 528% และญี่ปุ่น เพิ่ม 403% เป็นต้น