กรมการค้าต่างประเทศทำแผนดันส่งออกมันสำปะหลังปี 63 เตรียมลุยเจาะจีนรายมณฑล ทวงคืนตลาดอียู และเร่งขยายตลาดตุรกี นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ อินเดีย และฟิลิปปินส์ รับปีนี้ส่งออกต่ำเป้า คาดทำได้ 7.5 ล้านตัน ลด 10% แต่โชคดียังขายได้แพง มูลค่าไม่ลด คาดปี 63 แนวโน้มราคาดี หลังผลผลิตลดจากโรคใบด่าง และความต้องการพุ่ง
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดทำแผนการขยายตลาดสินค้ามันสำปะหลังปี 2562/63 ร่วมกับภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย โดยจะเน้นในภารกิจ 3 ด้าน คือ รักษาตลาดเดิม คือ จีน ฟื้นฟูตลาดเก่า ได้แก่ สหภาพยุโรป (อียู) และขยายตลาดใหม่ เช่น ตุรกี นิวซีแลนด์ อินเดีย เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ และจะเน้นการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงการส่งออกและเพิ่มอำนาจต่อรองทางการค้าให้กับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทย ซึ่งแผนนี้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) ได้มีมติรับทราบแล้ว
โดยการรักษาตลาดเดิมจะเร่งขยายตลาดจีนให้ได้เพิ่มมากขึ้น จากที่ปัจจุบันจีนเป็นตลาดหลักของมันเส้นถึง 90% ของการส่งออก ซึ่งจะเน้นการกระจายการส่งออกไปยังผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดอื่นเพิ่มขึ้น เช่น มันอัดเม็ด และแป้งมัน และจะเจาะลึกเป็นรายมณฑล ได้แก่ คุนหมิง หนางหนิง กว่างโจว เซียะเหมิน และเฉิงตู เป็นต้น โดยจะจัดกิจกรรมนำผู้ประกอบการพบปะกับผู้ซื้อและผู้นำเข้าเพื่อสร้างโอกาสทางการค้า
ส่วนตลาดอียู ซึ่งเคยเป็นตลาดเดิมของไทย จะจัดกิจกรรมฟื้นฟูตลาดมันอัดเม็ด เช่น ในเนเธอร์แลนด์ และเร่งเจรจาขอเพิ่มการจัดสรรโควตาแป้งมัน ทั้งจากอียูและอังกฤษจากกรณีที่อังกฤษจะออกจากอียู (เบร็กซิต) โดยต้องได้โควตาไม่น้อยกว่าเดิมหรือได้มากกว่าเดิม และเตรียมการเจรจาลดภาษีกับอียู หากมีการเริ่มต้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-อียู
สำหรับตลาดใหม่ จะเน้นการจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปขยายตลาดในตุรกีและนิวซีแลนด์อย่างต่อเนื่อง หลังทำมาแล้ว 2 ปี ซึ่งได้รับความสนใจ และล่าสุดตุรกีได้มีการลงนามใน MOU ซื้อขายมันสำปะหลังกับไทย 1.5 แสนตัน มูลค่า 690 ล้านบาท ส่วนเกาหลีใต้ จะเน้นผลักดันส่งออกมันเส้น มันอัดเม็ด เพื่อไปทำอาหารสัตว์ และแอลกอฮอล์ อินเดีย เน้นเจาะเป็นรายเมือง ซึ่งต้นปีหน้าจะมีคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเจรจาขายมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์อีก และฟิลิปปินส์ จะเน้นกากมัน มันสำปะหลังป่นสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์
ทั้งนี้ ในปี 2562 คาดว่าจะส่งออกมันสำปะหลังได้ปริมาณ 7.5 ล้านตัน ลดลง 10% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 8.5 ล้านตัน มูลค่า 2,808 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2,800 ล้านเหรียญสหรัฐเล็กน้อย ซึ่งถือว่าไทยยังขายของได้แพงขึ้น แม้ปริมาณจะลดลง ส่วนแนวโน้มราคา ประเมินว่าหัวมันสำปะหลังสดน่าจะเกิน 2 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ขึ้นไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากผลผลิตลดลงจากการเกิดโรคใบด่าง และมีความต้องการซื้อมันสำปะหลังไทยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง