นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย 10 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,125,543 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.94 เป็นการส่งออก 627,454 ล้านบาท ลดลง 2.05% และการนำเข้า 498,089 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.81 ซึ่งเกินดุลการค้า 129,365 ล้านบาท
โดยแยกเป็นการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ มูลค่า 899,962 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.96 เป็นการส่งออก 509,272 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.04 นำเข้า 390,690 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.11 เกินดุลการค้า 118,582 ล้านบาท และการค้าผ่านแดนกับ 3 ประเทศ มูลค่า 225,581 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.34 เป็นการส่งออก 118,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.37 นำเข้า 107,399 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7.56 เกินดุลการค้า 10,783 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในด้านการค้าชายแดน มาเลเซียยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มูลค่า 437,983 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7.37 รองลงมาคือ เมียนมา มูลค่า 164,420 ล้านบาท สปป.ลาว มูลค่า 164,800 ล้านบาท และกัมพูชา มูลค่า 132,759 ล้านบาท ขณะที่การค้าผ่านแดนจีนตอนใต้มีมูลค่าสูงสุด มูลค่า 107,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.83 รองลงมาคือ เวียดนาม มูลค่า 56,251 ล้านบาท และสิงคโปร์ มูลค่า 62,116 ล้านบาท
สถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดนลดลง โดยมีปัจจัยกระทบจากค่าเงินบาทแข็งตัวมากขึ้น ปัญหาของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงยืดเยื้อ ความไม่มีเสถียรภาพของค่าเงินของแต่ละประเทศ รวมถึงไทยและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม กรมการค้าต่างประเทศยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยต้นปี 2563 มีแผนการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งสอดรับกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการส่งเสริมการค้าชายแดน เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน และพื้นที่เขตเศรษฐกิจที่ได้รับการพัฒนาไว้แล้ว ถือเป็นการกระตุ้นการส่งออกและสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลกให้เพิ่มมากขึ้น