xs
xsm
sm
md
lg

รัฐลุยดันราคาข้าวเปลือก ตั้งงบ 7 หมื่นล้าน ดึงผลผลิตเก็บ 6.5 ล้านตัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นบข.ด้านตลาด อนุมัติเดินหน้าโครงการดันราคาข้าวเปลือก งบ 7 หมื่นล้านบาท เล็งดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาด เป้า 6.5 ล้านตัน “พาณิชย์”ชวนชาวนาเข้าร่วมโครงการ ได้รับค่าเก็บทันทีตันละ 1,500 บาท แถมได้ค่าข้าวอีก 80% ส่วนผู้รวบรวมข้าว รัฐช่วยดอกเบี้ย 3% จ่ายเองแค่ 1% ด้านผู้ประกอบการที่ซื้อข้าวเก็บสต๊อก รัฐช่วยดอกเบี้ย 3% มั่นใจราคาข้าวเปลือกขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยันรัฐใช้งบจ่ายขาดกว่า 3.9 พันล้านเท่านั้น

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด (นบข.ด้านตลาด) ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ได้อนุมัติการดำเนินโครงการยกระดับราคาข้าวเปลือกจำนวน 3 โครงการ วงเงิน 7 หมื่นล้านบาท ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ได้อนุมัติกรอบวงเงินไว้แล้ว เพื่อดึงผลผลิตข้าวเปลือกออกจากตลาดในช่วงที่ผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดมาก และป้องกันปัญหาราคาตกต่ำ โดยมีเป้าหมาย 6.5 ล้านตัน

โดยโครงการแรก เป็นโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี จะจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตัวเองเป็นค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท เก็บกี่ตันก็เอา 1,500 บาทคูณกับจำนวนข้าวเปลือกที่เก็บ ก็จะมีรายได้เพิ่มจากส่วนนี้ทันที โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะจ่ายให้ก่อน แต่ถ้าสถาบันเกษตรกรเป็นผู้เก็บ เกษตรกรจะได้ค่าฝากเก็บตันละ 500 บาท สถาบันเกษตรกรได้ตันละ 1,000 บาท มีเป้าหมาย 1 ล้านตัน และยังสามารถนำข้าวที่เก็บไว้ ไปขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. ได้อีก จะได้ค่าข้าว 80% ของราคาตลาด โดยข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 11,000 บาท ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ตันละ 9,900 บาท และข้าวเหนียวตันละ 8,700 บาท โดยมีวงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท เริ่มโครงการตั้งแต่ 1 พ.ย.2562

ส่วนโครงการที่ 2 สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร กำหนดวงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท เป้าหมายข้าวเปลือก 1.5 ล้านตัน โดยจะให้สถาบันเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน เข้าไปรับซื้อข้าว รวบรวมข้าว สามารถกู้เงินจาก ธ.ก.ส. และเสียดอกเบี้ยเพียง 1% รัฐอุดหนุนดอกเบี้ยให้ 3% เริ่มโครงการ 1 พ.ย.2562

สำหรับโครงการที่ 3 เป็นโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก มีเป้าหมาย 4 ล้านตัน วงเงิน 45,000 ล้านบาท โดยรัฐจะช่วยภาระดอกเบี้ย 3% ที่ผู้ประกอบการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารัฐ โดยมีเงื่อนไขต้องเก็บข้าวไว้ในสต๊อก 2-6 เดือน ระยะเวลารับซื้อ 20 พ.ย.2562-30 เม.ย.2563 ส่วนภาคใต้เริ่มซื้อ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2563

“ผลจากการที่ นบข.ด้านตลาด อนุมัติโครงการ และให้ดำเนินการย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 พ.ย.2562 เพราะก่อนหน้านี้ ได้มีการเตรียมการกันมาแล้ว เมื่อมีมติออกมา ก็ทำให้ดำเนินการต่อได้ทันที และยังส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทันที โดยข้าวเปลือกหอมมะลิเพิ่มขึ้นตันละ 1,000-1,200 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 1,500 บาท และมั่นใจว่ามาตรการที่ออกมา จะช่วยดูแลราคาข้าวเปลือกนาปีในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดได้ และในการใช้งบ รัฐจ่ายขาดแค่กว่า 3.9 พันล้านบาทเท่านั้น โดยล่าสุด ยังได้วีดิโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจการเข้าร่วมโครงการ และยังได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์โครงการด้วย”นายวิชัยกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น