“ศักดิ์สยาม” มั่นใจหลักฐาน สู้ “ค่าโง่โฮปเวลล์” ด้าน “นิติธร” ยื่น “คลัง, สำนักงบ, กรมบัญชีกลาง, สตง.” ร่วมระงับข้อพิพาท เจอหลักฐานสัญญาไม่มีผลตั้งแต่แรก ชี้มติ ครม.ไม่ได้อนุมัติให้ บ.โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) เซ็นจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับคณะทำงานคดีโฮปเวลล์ว่า ยืนยันว่าขณะนี้มีข้อมูลที่จะนำไปต่อสู้คดีจนถึงที่สุดได้ และมีตารางในการดำเนินการชัดเจน ซึ่ง ในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้มีการตั้งทนายเพิ่ม 2 คน ได้แก่ นายศุภชัย ใจสมุทร และนายชนินทร์ แก่นหิรัญ เพื่อเป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อให้มีความรัดกุมในการต่อสู้คดี เนื่องจากเห็นว่าทั้ง 2 ท่านมีประสบการณ์เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย
ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ ในฐานะทนายความของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในวันนี้ (21 พ.ย.) เวลา 13.30 น. จะเดินทางไปยังกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อยื่นหนังสือต่อ 4 หน่วยงาน ซึ่งเป็นข้อมูลสถานะของคดีค่าโง่โฮปเวลล์ โดยจะแจ้งต่อ 4 หน่วยงานดังกล่าวให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเกี่ยวกับคดีโฮปเวลล์โดยเฉพาะรายละเอียดของสัญญา ตั้งแต่ที่มาของโครงการ การอนุญาต การดำเนินการ การบอกเลิกสัญญา เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ
เนื่องจากคณะทำงานของกระทรวงคมนาคมได้มีการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดพบว่ามีหลายกระบวนการไม่เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย สัญญาจึงไม่น่าจะมีผลบังคับ โดยพบว่ามติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อนุมัตินั้น เป็นการอนุมัติให้บริษัท โฮปเวลล์ (ฮ่องกง) จำกัด เป็นผู้ลงนามสัญญา ไม่มีมติ ครม.ครั้งใดที่อนุมัติให้ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ลงนามสัญญาโครงการโฮปเวลล์เลย
ขณะที่ ร.ฟ.ท.ไม่มีอำนาจในการลงนามสัญญา เพราะ ครม.ไม่ได้อนุมัติ ร.ฟ.ท. แต่อนุมัติให้กระทรวงคมนาคมเป็นตัวแทน ดังนั้น การที่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ฟ้องร้องนั้นจะมีอำนาจฟ้องได้อย่างไร ขณะที่การลงนามสัญญาที่ไม่ถูกต้อง สัญญาจะมีผลผูกพันได้อย่างไร ซึ่งถือเป็นข้อที่ผิดปกติทั้งสิ้น เรื่องนี้มีเอกสารเป็นพยาน ที่เป็นเอกสารของหน่วยงานรัฐทั้งสิ้น
เรื่องนี้รัฐบาลเป็นเจ้าของโครงการ กระทรวงคมนาคมไม่ได้เป็นเจ้าของ ดังนั้นกรณีที่มีการบังคับคดีต่างๆ กระทรวงการคลังมีหน้าที่อย่างไร ควรทำอย่างไรที่จะหยุดยั้งในการบังคับคดี ซึ่งในหนังสือที่จะยื่นจะให้ 4 หน่วยงานพิจารณาและดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
“ตอนนี้เป็นการมองไปที่กระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแก้ไขอย่างไร ซึ่งหน้าที่ของหน่วยงานราชการคือ ปกป้องทรัพย์สินของรัฐ ตรวจสอบความถูกต้อง เป็นต้น ดังนั้น ทั้ง 4 หน่วยงานต้องทำตามหน้าที่ หากไม่ทำจะเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา 157 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ”
สำหรับการเจรจาต่อรองกับโฮปเวลล์นั้น ตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลการ และคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ให้ ร.ฟ.ท. และกระทรวงคมนาคมต้องชดใช้ชำระเงินให้แก่บริษัท โฮปเวลล์ จำนวนทั้งสิ้น 11,888.75 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ภายใน 180 วัน นับจากคดีสิ้นสุดนั้น ก็ยังดำเนินการเจรจากันต่อไป ไม่ได้ยุติ