ผู้จัดการรายวัน 360 - เมเจอร์ฯ ปูทางมุ่ง 3 ส่วนหลัก คือ Major 5.0, ขยายโรงหนังเป็น 1,200 โรงใน 77 จังหวัด และยกระดับหนังไทยได้โกอินเตอร์ เผยหนังไทยสัดส่วนโตมาก พร้อมลุยคอนเทนต์ในตลาดจีน เร่งสร้างและดันหนังไทยเข้าทุกช่องทาง
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของเมเจอร์ใน 5 ปีจากนี้ หรือภายในปี 2025 (พ.ศ. 2568) จะเน้นใน 3 ส่วนหลัก คือ 1. วิสัยทัศน์ Major 5.0 ด้วยเน้นนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเติมเต็มในการให้บริการ เช่น E Ticket, Mobile Ticketing รวมถึงจับมือกับสตาร์ทอัพเพื่อพัฒนาบริการใหม่ๆ
2. ขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ CLMV รวม 1,200 โรง ให้ครอบคลุม 77 จังหวัด และ 3. ยกระดับหนังไทยให้มีมาตรฐานเป็น Tollywood (Thailand +Hollywood) ด้วยสัดส่วนรายได้หนังไทยมากกว่า 50% ของรายได้รวมตลาดหนังในไทย และผลักดันหนังไทยออกขายในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในจีน
"ปี 2562 นี้เป็นปีที่พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่าโรงหนังเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ถูกดิสรัปชันจากออนไลน์หรือสตรีมมิ่ง และเน็ตฟลิกซ์ไม่ได้ส่งผลให้ยอดการขายตั๋วหนังลดลง เพราะ 9 เดือนที่ผ่านมาภาพรวมการจำหน่ายตั๋วหนังในไทยโตขึ้นประมาณ 15% เฉพาะของเมเจอร์มีรายได้จากการขายตั๋วหนังถึง 4,392 ล้านบาท จบสิ้นปีนี้น่าจะอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท หรือในภาพรวมของตลาดน่าจะปิดที่ 9,000 ล้านบาท โต 15% ส่วนสำคัญที่ทำให้โรงหนังยังโตได้เกิดจากคอนเทนต์เป็นหลัก"
นายวิชากล่าวต่อว่า ดังนั้นคอนเทนต์จึงสำคัญที่สุดในธุรกิจโรงภาพยนตร์ ซึ่งปีนี้คาดว่าภาพรวมการขายตั๋วหนังน่าจะปิดที่ 40 ล้านใบ โดย 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้วกว่า 38 ล้านใบ และสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายตั๋วหนังนี้มาจากหนังไทยถึง 26% และต่างประเทศ 75% ซึ่งแปลกที่ปีนี้หนังไทยไม่ค่อยมีฉาย แต่มีส่วนแบ่งดีขึ้น เนื่องจากการขยายโรงภาพยนตร์ในต่างจังหวัดเข้าถึงผู้ชมมากขึ้น ส่งผลให้เมเจอร์พร้อมใช้งบการลงทุนอีกราว 180-200 ล้านบาท ในปี 2563 ในการเพิ่มจำนวนโรงภาพยนตร์อีก 30 โรง เฉลี่ย 1 โรงใช้งบ 6 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังต้องเพิ่มจำนวนหนังไทยให้มากขึ้น โดยอยากเห็นหนังไทยเข้าฉายปีละไม่ต่ำกว่า 52 เรื่อง เฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 เรื่อง ซึ่งทางเมเจอร์เองปัจจุบันเป็นผู้เล่นหลักในการลงทุนผลิตหนังไทย ภายใต้โมเดลการจับมือกับพันธมิตร โดยปีนี้มีหนังของกลุ่มเมเจอร์เข้าฉายกว่า 15 เรื่อง ส่วนในปีหน้าเมเจอร์ยังได้จับมือกับพาร์ตเนอร์จีนร่วมทุนทำหนังร่วมกันเพื่อต้องการเข้าไปทำตลาดในจีนด้วย ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้หนังไทยเข้าสู่ตลาดจีนได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ในแง่ภาพรวมรายได้ของเมเจอร์ ปี 2562 นี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก 10-15% ขณะที่ในปี 2568 สัดส่วนรายได้อาจจะเปลี่ยนไปบ้าง จากปีนี้รายได้จากการทำหนังอยู่ที่ 600-800 ล้านบาท แต่ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15% ของรายได้รวม เพราะรายได้จากการทำหนังมาจากหลายช่องทาง เช่น ส่งออก, ออนไลน์ และสตรีมมิ่ง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปีนี้เมเจอร์ครบรอบ 25 ปี จึงได้จัดแคมเปญพิเศษเพื่อขอบคุณลูกค้า โดยตลอดวันที่ 25 พ.ย. ที่จะถึงนี้จะจำหน่ายตั๋วหนังในราคา 25 บาท สำหรับดูหนังที่นั่งปกติ และที่นั่งฮันนีมูน ทุกเรื่อง ทุกรอบ ทุกสาขา ทั่วประเทศ โดยไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์ในการซื้อ ไม่ว่าจะซื้อผ่านช่องใดก็ตาม นอกจากนี้ ในส่วนของบลูโอ ริธึม แอนด์ โบว์ล และซับซีโร่ ไอซ์สเกต คลับ ทุกสาขา สามารถโยนโบว์ลิ่งได้เพียงเกมละ 25 บาท, เล่นไอซ์สเกต 90 นาที 25 บาท, เครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ แก้วละ 25 บาท และร้องคาราโอเกะ ชั่วโมงละ 125 บาท