นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดวันที่ 14 พ.ย.ว่า ที่ประชุมยังไม่อนุมัติโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) จำนวน 965 คัน เนื่องจากข้อมูลยังไม่ชัดเจน และบอร์ดได้เร่งให้ ร.ฟ.ท.ทำเวิร์กชอปเพื่อวางยุทธศาสตร์ใหม่ รองรับการดำเนินงานในอนาคตที่การก่อสร้างรถไฟทางคู่จะเสร็จ แผนการเดินรถสินค้า และโดยสารจะเป็นอย่างไร เมื่อได้ยุทธศาสตร์จะได้นำไปกำหนดแผนฟื้นฟูที่นำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมต่อไป
“ตอนนี้งานรถไฟจะพัฒนาเป็นท่อนๆ บอร์ดอยากเห็นยุทธศาสตร์ที่เป็นภาพรวมที่จะทำให้เกิดรายได้เพิ่ม งานส่วนไหนทำเอง ส่วนไหน Outsource ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.ชี้แจงว่าการปรับยุทธศาตร์ต้องใช้เวลาเพราะต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วย แต่บอร์ดอยากเห็นแนวคิด ก็ให้ทำออกมาเบื้องต้นก่อน”
นอกจากนี้ บอร์ด ร.ฟ.ท.ได้อนุมัติผลการประมูลงานโยธา โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย (ระยะที่1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) ระยะทาง 253 กม. งานสัญญา 4-6 ช่วง พระแก้ว-สระบุรี ระยะทาง 31.6 กม. โดยจะลงนามหลังจาก EIA ส่วนเพิ่มเติมผ่านแล้ว
สำหรับสัญญา 4-6 ช่วงพระแก้ว-สระบุรี เป็นงานก่อสร้างคันทางระดับดิน ระยะทาง 7.02 กม. โครงสร้างทางรถไฟยกระดับ 24.58 กม. งานอาคารและสิ่งปลูกสร้างรองรับงานระบบรถไฟฟ้า 7 แห่ง ราคากลาง 11,170,855 ล้านบาท บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ เสนอด้านราคาต่ำสุด 9,429 ล้านบาท หรือต่ำกว่าราคากลาง 16.1%
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า บอร์ดยังไม่อนุมัติจัดหาโบกี้บรรทุกตู้สินค้าจำนวน 965 คัน วงเงินกว่า 2.3 พันล้านบาท โดยให้ทำข้อมูลเพิ่มเติมในหลายประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน เช่น เปรียบเทียบตัวเลขระหว่างซื้อกับเช่าให้ชัดเจนเข้าใจง่าย ข้อสมมติฐานต้องชัดเจนกว่านี้
ทั้งนี้ ในทีโออาร์จะกำหนดให้มีการผลิตในประเทศ โดยมีชิ้นส่วนภายในประเทศ (Local content ) 40% ซึ่งในแง่เทคนิคมีความเป็นไปได้ เพราะภายในประเทศสามารถผลิตได้ และใช้เหล็กในประเทศไม่ต้องนำเข้า ไม่มีต้นทุนด้านภาษีนำเข้า แต่ทั้งนี้ ในภาคเอกชนจะมีการลงทุนค่อนข้างสูงหากต้องการยื่นประมูล ในขณะที่จำนวนการจัดซื้อมีจำกัด หรือไม่เพิ่มขึ้น เอกชนอาจไม่กล้าลงทุนและไม่มีผู้ยื่นประมูล
อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องมีการปรับปรุงทีโออาร์อีกเล็กน้อยเพื่อให้มีความเป็นไปได้ในการลงทุนของเอกชนในประเทศ เช่น การซ่อมบำรุงหลังการขายในราคาที่ตกลงกัน เป็นต้น เพราะการทำต้องมองระยะยาว ยืนยันไม่ได้เอื้อเอกชน แต่ต้องมองภาพรวมของธุรกิจด้วย ซึ่งการจัดหาแคร่สินค้าจำนวน 965 คันเพื่อรองรับอนาคตที่รถไฟทางคู่จะแล้วเสร็จ ร.ฟ.ท.จะเพิ่มรายได้จากการขนส่งสินค้าในอนาคต