ประธานบอร์ด "กรุงเทพคริสเตียน" แถลงการณ์แจงปมประท้วง บอกนิ่งเงียบมาตลอด เพราะกระบวนการยังไม่เสร็จ เร่งตรวจสอบการจัดซื้อ 120 ล้านบาท หลัง กก.บริหารยังไม่อนุมัติ ระบุกระบวนการสอบเป็นไปตามปกติเหมือนหน่วยงานอื่นในสังกัด ขออภัยผู้เกี่ยวข้องตอบสนองไม่ทันการณ์ ด้าน "ศุภกิจ" เผยชี้แจงต่อ กก.สอบไปทั้งหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิศาล มหชวโรจน์ ประธานกรรมการบริหารโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ได้ออกแถลงการณ์ "ข้อเท็จจริงเบื้องต้น กรณี โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย" มีใจความโดยสรุปว่า ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เป็นหนึ่งในสังกัด มูลนิธิสภาคริสตจักรในประเทศไทย รวมถึง โรงเรียน 28 แห่ง โรงพยาบาล 8 แห่ง มหาวิทยาลัย 2 แห่ง และอื่นๆ ทุกสถาบันดาเนินการอยู่ภายใต้ ธรรมนูญของสภาฯ และระเบียบต่างๆ เดียวกัน ทั้งระเบียบข้อบังคับการบริหารหน่วยงานและสถาบัน หรือหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งกำหนดให้มีการเปรียบเทียบราคาก่อนซื้อ ให้ตั้งคณะกรรมการช่วยพิจารณา เป็นต้น ซึ่งหน่วยงานต่างๆ จะได้รับการอบรมร่วมกันเป็นประจำ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามกลับมายังมูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทยได้ เมื่อมีการปฏิบัติงานใดๆ ที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ คณะกรรมการบริหารโรงเรียน จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ เพื่อตรวจสอบและหาความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น ว่า ไม่ถูกระเบียบนั้นบกพร่องอย่างไร รุนแรงหรือไม่ เจตนาเป็นอย่างไร เช่น จัดซื้อจัดจ้างที่ขัดต่อระเบียบ ไม่มีการเปรียบเทียบราคา ไม่มีการตั้งกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและตรวจรับ คณะกรรมการบริหารโรงเรียนฯ จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เกิดขึ้นได้อย่างไร ผิดพลาดอย่างไร แก้ไขได้หรือไม่ เสียหายหรือไม่ และต่อไปควรจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ผู้ที่กระทำผิดคือใคร เจตนาหรือไม่ มีการเรียกผู้ถูกกล่าวหาและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล และอื่นๆ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นขั้นตอนภายในหน่วยงานทั้งสิ้น
สำหรับประเด็นที่เป็นข่าวอยู่ เนื่องจากการดำเนินการทั้งหมดยังไม่สิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์ วงเงินที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบมีจำนวนรวมสูงมากกว่า 120 ล้านบาท ซึ่งยังไม่มีมติอนุมัติจากกรรมการบริหารโรงเรียน หรือมูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรฯ ทำให้โรงเรียนฯ และสภาคริสตจักรฯ จึงยังไม่สามารถเผยแพร่ข้อเท็จจริงอันเกี่ยวเนื่องกับเรื่องดังกล่าวได้ เพราะจะกระทบกระเทือนต่อผู้ถูกสอบสวน และความสงบเรียบร้อยของโรงเรียนและบุคลากรเอง ที่ผ่านมา โรงเรียนฯ และสภาคริสตจักรฯ ได้อดทนอดกลั้นต่อข่าวที่ไม่ครบถ้วน และการสื่อสารเพื่อหวังเจตนาบางประการอย่างเสมอมา แต่โรงเรียนฯ และสภาคริสตจักรฯ ขอยืนยันต่อ ท่านผู้เกี่ยวข้องทุกคนว่า ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา การตัดสินใจ การเลือกปฏิบัติต่อผู้ถูกล่าวหา ได้ทำโดยมุ่งประโยชน์สูงสุดของนักเรียนเป็นสำคัญ โดยพยายามอดทน อ่อนสุภาพ และไม่ตอบโต้ต่อคากล่าวโทษว่าร้าย เพื่อให้กระทบกับนักเรียน บุคลากรและโรงเรียนให้น้อยที่สุด ซึ่งกลายเป็นว่า กลับถูกใช้ความเงียบกลับมาโจมตีมากขึ้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในสื่ออินเทอร์เน็ต และระหว่างการชุมนุม ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง และที่สำคัญสถานการณ์ต่างๆ ก็กระทบกับการเรียนการสอนมากขึ้นเรื่อยๆ โรงเรียนเห็นว่า ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้และควรได้รับการแก้ไข แต่ก็ปรารถนาที่ให้ความขัดแย้งนั้นจะไม่กระทบต่อนักเรียน ต่อการเรียนการสอน และอยู่ในรูปแบบและลักษณะที่เหมาะสม เพื่อว่าวันหนึ่ง เมื่อเราทุกคนมองกลับมา จะเราไม่เสียใจในบางสิ่งที่ได้ทำลงไป
ที่ผ่านมา มีหลายสถาบัน ทั้งโรงเรียนและโรงพยาบาล ที่มีกระบวนการตรวจสอบลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้น มีทั้งผู้ถูกลงโทษตามข้อสมมติฐาน และที่ตัดสินว่าไม่มีเจตนาและยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่ไม่เคยมีเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้น การตอบสนองของโรงเรียนฯ และสภาคริสตจักรฯ จึงไม่ทันการ และไม่ได้คาดหวังการตอบสนองในลักษณะนี้แต่อย่างใด จึงเรียนขออภัยท่านผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมา ณ ที่นี้ ด้วย โดยจะปรับปรุงและเผยแพร่ข้อมูลเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องโดยเร็ว
นายศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กล่าวว่า ตนได้อ่านแถลงการณ์อย่างคร่าวๆ ซึ่งตนไม่เข้าใจในบางประเด็น เนื่องจากแถลงการณ์ระบุว่า การดำเนินการทั้งหมดยังไม่สิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์ ประกอบกับวงเงินที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสูงมากกว่า 120 ล้านบาท ซึ่งยังไม่มีมติอนุมัติจากกรรมการบริหารโรงเรียน หรือมูลนิธิฯ ทำให้โรงเรียน และสภาคริสตจักรฯ ไม่สามารถเผยแพร่ข้อเท็จจริงอันเกี่ยวเนื่องกับเรื่องดังกล่าวได้ เพราะจะกระทบกระเทือนต่อผู้ถูกสอบสวน และความสงบเรียบร้อยของโรงเรียนนั้น ซึ่งไม่ได้ระบุรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างนั้นมีอะไรบ้าง อาจจะกังวลเรื่องของข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมที่ชี้แจงในทุกประเด็น ทั้งนี้ เชื่อว่ารายละเอียดของการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดกว่า 120 ล้านบาทนั้น อาจจะเป็นเรื่องเดิมที่ตนเคยได้ชี้แจง และอธิบายกับคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง ที่สภาคริสจักรฯ ตั้งขึ้นมาไปหมดแล้วทั้งนี้ การทำงานที่ผ่านมาทั้งหมด ขอยืนยันว่า ได้ยึดผลประโยชน์ของนักเรียนเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับที่ทางโรงเรียน และสภาคริสจักรฯ ได้เน้นย้ำมาในแถลงการณ์ ซึ่งอาจมีความเข้าใจไม่ตรงกันในการบริหารงาน ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมา