อดีต ผอ.ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนฯ เปิดใจ ยันจัดซื้อที่ดินบึงกาฬ ทำตามระเบียบขั้นตอน ไม่มีทุจริตตามกล่าวหา ชี้กรรมการสอบสวนไม่เป็นธรรม เอาคนที่ไปจัดซื้อด้วยกันมาสอบ แจงจัดซื้อต้องผ่านมติบอร์ด ร.ร. หากทำผิดจริงบอร์ดต้องรับผิดชอบ แต่กลับโบ้ยให้รับโทษแทน เหตุไม่มีบทลงโทษบอร์ด ร้องขอคนกลางช่วยตัดสิน หากผิดจริงจะไม่โต้แย้ง เผยรอมูลนิธิประสานหลังยื่นอุทธรณ์บทลงโทษแล้ว
วันนี้ (1 พ.ย.) นายศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งลงโทษปลดออกจากตำแหน่ง ผอ.ร.ร. และไล่ออกนายวัชรพงศ์ อภิญญานุรังสี จากตำแหน่งผู้จัดการ ร.ร. จากกรณีการจัดซื้อที่ดินและกิจการ ร.ร.บึงกาฬพิทักษ์ศึกษา ต่อคณะกรรมการมูลนิธิสภาคริสตจักรในประเทศไทย ว่า ที่พวกเรายื่นอุทธรณ์ เพราะรู้สึกว่าคำตัดสินนั้นไม่ยุติธรรม เนื่องจากคณะกรรมการสอบสวนที่ทางคณะกรรมการมูลนิธิฯ หรือหน่วยเหนือแต่งตั้งมานั้น ไม่มีความชอบธรรม โดยกรรมการสอบสวนบางท่านมีความเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อโรงเรียนและที่ดิน แต่กลับมาเป็นกรรมการสอบสวนและตัดสินลงโทษ ซึ่งไม่ถูกต้อง และกรรมการบางท่านก็ตัดสินเราไปตั้งแต่แรกแล้วว่าเรามีความผิด โดยที่ไม่รับฟังคำชี้แจงอะไร และหาว่าคำชี้แจงเราฟังไม่ขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีการคัดค้านและขอให้เปลี่ยนกรรมการสอบสวนแล้ว แต่ก็ไม่มีการดำเนินการ จึงไม่แปลกใจที่คำตัดสินจะออกมาว่า เรามีการดำเนินการที่ผิดระเบียบและกล่าวหาถึงขั้นว่าทุจริตในการจัดซื้อ
"ผมมั่นใจว่า การดำเนินการจัดซื้อต่างๆ ไม่ได้มีเรื่องของการทุจริต และทำตามขั้นตอนทั้งหมด อย่างเรื่องที่บอกว่า ทำผิดขั้นตอน เพราะไม่มีการตั้งคณะกรรมการจัดซื้อ ก็อธิบายไปแล้วว่า ไม่ได้ทำผิดขั้นตอน เพราะการจัดซื้อดังกล่าวต้องเข้าระบบวิธีจัดซื้อแบบพิเศษ ซึ่งไม่มีข้อกำหนดว่า จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการจัดซื้อ เราก็ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง และการไปจัดซื้อด้วยเงิน 70 ล้านบาทนั้น แม้จะดูไม่มากสำหรับ ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนฯ แต่ก็เป็นจำนวนเงินไม่น้อย ถามว่าพวกผมจะกำเงินไปซื้อเองได้เลยหรือ ทุกอย่างก็ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ของโรงเรียนแล้ว ถึงจะสามารถจัดซื้อได้ การกล่าวหาว่าไปจัดซื้อโดยที่ไม่ได้ทำรายละเอียดความเป็นไปได้ของการลงทุน (Feasibility) ต่อบอร์ด ก็ไม่จริง เพราะหากไม่ทำ จะอนุมัติให้ไปจัดซื้อได้อย่างไร ส่วนเรื่องการทุจริตนั้นบอกว่า ทางผู้ซื้อไม่ได้มีการทุจริตก็จริง แต่หากทำให้ผู้ขายมีการทุจริตก็เข้าข่ายว่าทุจริตด้วย คุณกำลังบอกว่าทางผู้ขายกำลังทุจริตอยู่หรือไม่ ทั้งที่เราก็ไม่ได้รู้จักกับผู้ขายมาก่อนหรือไปฮั้วอะไรกับทางผู้ขาย" นายศุภกิจ กล่าว
นายศุภกิจ กล่าวว่า ดังนั้น หากบอกว่าเราทำผิดขั้นตอนและทุจริต ก็ต้องเป็นความผิดของบอร์ดที่อนุมัติด้วยหรือไม่ แต่เหตุใดถึงมีการเอาผิดพวกตนเพียงสองคน ทั้งที่วันที่ไปจัดซื้อ ตนก็ไม่ได้เป็นคนไป มีผู้จัดการ และตัวแทนบอร์ดไปรวมกัน 3-5 คน การบอกว่าไปจัดซื้อโดยวิธีความเสี่ยงสูง ไม่รอบคอบคงไม่ใช่ เพราะตัวแทนบอร์ดก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่อยู่ในแวดวงการทำธุรกิจทั้งนั้น ตนรู้สึกว่า หากการจัดซื้อครั้งนี้มีความผิดจริง ก็ต้องเป็นความผิดของบอร์ดด้วย แต่ก็ได้รับแจ้งมานานแล้วเหมือนกันว่า บอร์ดไม่เกี่ยวข้อง เพราะระเบียบของสภาคริสตจักรในประเทศไทยบอกว่าไม่มีบทลงโทษไปที่บอร์ด เลยกลายเป็นว่าให้โรงเรียนมารับโทษแทน ซึ่งก็งงว่ามีกฎเช่นนี้จริงหรือ แบบนี้จะขัดกับหลักนิติธรรมและกฎหมายหรือไม่ ว่าทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษ แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเราไม่ได้ทำผิดแน่นอน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางหน่วยเหนือก็มีการเรียกมาหารือบ้าง แต่ก็ไม่ลงตัว เพราะจะให้พวกตนยอมรับว่าผิดทั้งที่ไม่ผิดคงไม่ได้ มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่าพวกเราทุจริตและเป็นตราบาปไปตลอด ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะมีคำว่าทุจริตติดตัวไป เรื่องจึงเดินมาจนถึงขั้นนี้ และเมื่อมีคำตัดสินที่ไม่ยุติธรรมเช่นนี้ออกมาก็ต้องใช้สิทธิในการอุทธรณ์ ซึ่งก็กำลังรอการประสานจากทางมูลนิธิฯ อยู่ว่า จะมีการให้ดำเนินการอย่างไรต่อ เพราะกฎระเบียบก็ไม่ได้เขียนไว้ชัดเจนว่าการอุทธรณ์ต้องมีขั้นตอนอย่างไรต่อบ้าง ก็ทำได้เพียงยื่นหนังสือส่งไปก่อน
นายศุภกิจ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่เราเรียกร้องคืออยากให้มีคนกลางที่มีความยุติธรรมเข้ามาตรวจสอบดูว่า กระบวนการจัดซื้อที่ดำเนินการนั้นผิดระเบียบจริงหรือไม่ เพราะเราไม่ยอมรับในกรรมการสอบสวนชุดนี้ ซึ่งสุดท้ายแล้วหากคนกลางที่มีความยุติธรรม บอกว่าพวกตนมีความผิดจริง ตนก็จะยอมรับอย่างลูกผู้ชายพอ โดยไม่มีข้อโต้แย้ง ส่วนเรื่องที่ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ทำเรื่องกลับไปยังโรงเรียนว่าการถอดถอนตนไม่ถูกต้อง และการแต่งตั้ง ผอ.คนใหม่ก็ผิดระเบียบนั้น ก็คงต้องแล้วแต่ทางคณะกรรมการมูลนิธิฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ตนก็แค่รับนโยบายมา แต่ตอนนี้มีการแต่งตั้ง ผอ.คนใหม่มาแล้ว ไม่ว่าจะถูกหรือผิดระเบียบก็ต้องให้เกียรติท่าน ก็ต้องตามนั้นไปก่อนจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง