GPSC แจงรายได้ไตรมาส 3/2562 เฉียด 2 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 189% หลังรับรู้รายได้จากการควบรวมกิจการ GLOW เต็มไตรมาส ขณะที่กำไรปรับตัวลดลง 1% มาอยู่ที่ 893 ล้านบาท จากภาระค่าดอกเบี้ย และค่าตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมในการจัดหาเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นตามการปรับปรุงแผนการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 19,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,565 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 189% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นผลจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW ที่มีส่วนสำคัญต่อการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นของ GPSC เต็มไตรมาสอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ 893 ล้านบาท ลดลง 6 ล้านบาท คิดเป็น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักทั้งจากราคาขายไฟฟ้าที่ลดลงของโรงไฟฟ้าเอ็กโค่-วัน ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลโดยในช่วงฤดูฝนการใช้พลังงานมีสัดส่วนที่ลดลง และมีปัจจัยจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงของโรงไฟฟ้าห้วยเหาะที่ สปป.ลาว นอกจากนี้ยังมีภาระค่าใช้จ่ายของดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จากผู้ถือหุ้นรายย่อย (Tender Offer) ของ GLOW เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ GPSC สามารถเข้าถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 95.25% และยังมีค่าตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมในการจัดหาเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นตามการปรับปรุงแผนการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นซึ่งได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการเงินของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และพร้อมที่จะขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยมั่นใจว่าตลาดอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะมีทิศทางที่เปลี่ยนแปลง จากการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสู่การพัฒนาการผลิตในทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ หากพิจารณากำไรส่วนของบริษัทใหญ่ ที่ไม่รวมค่าตัดจำหน่ายจากการประเมินมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิจำนวน 372 ล้านบาท และผลกระทบตามมาตรฐานบัญชี จำนวน 277 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนผลกำไรจากการดำเนินงานอย่างแท้จริง จะมีกำไรสุทธิของบริษัทฯ ที่ไม่รวมค่าตัดจำหน่ายและผลรวมจากมาตรฐานบัญชี (Adjusted Net Income) จำนวน 1,542 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 3 บริษัทฯ มี EBITDA เท่ากับ 5,057 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่ากระแสเงินสดของ GPSC ยังมีความเข้มแข็งและการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายหลังการเข้าควบรวมกิจการ GLOW สำเร็จแล้ว
ส่วนงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,873 ล้านบาท
นายชวลิตกล่าวว่า แผนการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำที่เตรียมเข้าสู่ระบบการผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2563 ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด (NNEG) ส่วนขยายกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 60 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 10 ตันต่อชั่วโมง ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 30%
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ 3 โครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำลิก 1 (NL1PC) สปป.ลาว กำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 40%, ศูนย์ผลิตสาธารณูปการแห่งที่ 4 (CUP 4) จังหวัดระยอง กำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 100% และโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี (XPCL) สปป.ลาว กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 25%