การบินไทยรื้อใหม่หมดแผนจัดหาและเช่าเครื่องบิน เร่งทำการบ้าน สำรวจตลาด วิเคราะห์ทุกจุดบิน และประเมินคู่แข่งเพื่อออกแบบโครงข่ายการบินใหม่ “สุเมธ” เผยตลาดเปลี่ยน แข่งขันดุเดือด ลั่นต้องหาวิธีใหม่ๆ ต่อสู้
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท อยู่ระหว่างจัดทำงบประมาณประจำปี 2563 ซึ่งจะใช้เครื่องมือวิเคราะห์อย่างละเอียด จากทั้ง 82 สถานีทั่วโลก ดูทุกๆ จุดบินในแต่ละเมือง และหากเป็นไปได้จะวิเคราะห์ในแต่ละเที่ยวบิน สำรวจตลาด ดูการแข่งขัน มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ดูอย่างละเอียดเพื่อออกแบบโครงข่ายการบินกันใหม่ โดยจะทำการศึกษาทบทวนแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ 38 ลำ มูลค่า 1.56 แสนล้านบาท ให้สอดคล้องกับแผนงานและกลยุทธ์ในการแข่งขันในอนาคต ซึ่งเรื่องหาฝูงบินใหม่มีเวลาศึกษาทบทวน 6 เดือน
“ต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด ย้อนดูกลับไป 5 ปีที่ผ่านมาแต่ละเส้นทางแต่ละเที่ยวบินเป็นอย่างไร จะคิดแบบเดิมไม่ได้เพราะตลาดเปลี่ยนแปลงไปมาก เที่ยวบินหรือเส้นทางที่เดิมเคยดี วันนี้และหลังจากนี้อาจไม่ดี ดังนั้นต้องคิดก่อนว่าเส้นทางที่เคยดีแล้วไม่ดีมีแผนที่จะกลับไปทำให้ดีเหมือนเดิมได้หรือไม่ หรือดูแล้วสู้ไม่ได้ก็ต้องยอมรับ ทนต่อไปไม่มีประโยชน์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพอเห็นเส้นทางไหนขาดทุนแล้วจะตัดทิ้ง ต้องแก้ไขก่อน เช่น ลดเที่ยวบิน ลดขนาดเครื่องบิน หรือให้ไทยสมายล์เข้าไปบินแทน เพราะบางเส้นทาง บางจุดบิน มีความสำคัญในการเชื่อมต่อกับยุโรป ส่วนเส้นทางที่มีกำไร ต้องดูว่ากำไรยังเท่าเดิม จะทำให้เพิ่มได้อย่างไร หรือกำไรลดลงจะแก้ไขอย่างไร เป็นต้น”
นายสุเมธกล่าวว่า เมื่อผลประกอบการไม่ดี แล้วยังจะสู้ด้วยวิธีแบบเดิมๆ ตอนจบก็คงเป็นแบบเดิม การใช้เครื่องมือเข้ามาวิเคราะห์จะรู้ว่าต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางบินอย่างไร ใช้เครื่องบินเท่าไร บางเส้นทางปรับลดลงก็เอาเครื่องบินไปใช้เส้นทางอื่นที่มีตลาดดีกว่า เมื่อแผนงานและกลยุทธ์ในการแข่งขันชัดเจน ดูไปอีก 5 ปี นำมาพิจารณา รวมกับเครื่องบินที่จะปลดระวาง จะรู้ว่าต้องการใช้เครื่องบินเท่าไร
“ตอนนี้ตอบไม่ได้ว่าต้องการเครื่องบินใหม่เท่าไร จะ 38 ลำเท่าเดิม หรือมากกว่า/น้อยกว่า จะเป็นเครื่องบินลำตัวแคบเท่าไร ลำตัวกว้างเท่าไร เพราะอยู่ที่จะตอบโจทย์ตลาดอย่างไร แต่หากแผนครื่องบินเปลี่ยนจากเดิมจะต้องสรุปและนำเสนอต่อสภาพัฒน์ใหม่ แม้จะล่าช้าแต่ไม่มีปัญหา เชื่อว่าการทบทวนจะส่งผลดีต่อบริษัทฯ มากกว่า”
ส่วนแผนการเช่าเครื่องบินเพื่อใช้ในระยะสั้นช่วงไตรมาส 4/62 ที่อยู่ระหว่างจัดหาเครื่องบินใหม่นั้นต้องทบทวนเช่นกัน เนื่องจากหากสั่งเช่าในช่วงนี้ ใช้เวลา 4-5 เดือนกว่าจะนำเครื่องบินเข้ามาให้บริการได้ ซึ่งจะตรงกับช่วง Low season ตลาดไม่เหมาะ ซึ่งในเดือน พ.ย. 2563 การสำรวจตลาดและแผนธุรกิจจะมีความชัดเจน
นายสุเมธกล่าวว่า ในปี 2562 คาดว่าจะะมีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 80% โดยในไตรมาส 4/62 แนวโน้มค่อนข้างดี โดยเฉพาะจุดบินใหม่ที่เมืองเซนไดของญี่ปุ่นที่เริ่มทำการบินในวันที่ 29 ต.ค.สามารถทำกำไรได้ โดยมียอดจองไปจนถึงเดือน มี.ค. 63 (Booking) มากกว่า 80% แล้ว ซึ่งจะนำเซนไดโมเดลในการยกระดับการแข่งขันในญี่ปุ่น หากทำสำเร็จเชื่อว่าจะทำให้ตลาดญี่ปุ่นกลับมาอยู่ในจุดที่แข่งขันได้ จากที่ปีนี้อาจจะไม่ค่อยดีมากนักจากการแข่งขันที่รุนแรง
“การเปิดจุดบินเซนไดมีค่าใช้จ่ายโฆษณาน้อยกว่าเส้นทางบินอื่น เพราะบริษัทฯ หันมาใช้สื่อ Social Media แทน ซึ่งสามารถกระจายข้อมูลมียอดผู้ติดตาม 30-40 ล้านคน และทำให้เชื่อว่าแนวโน้มส่วนแบ่ง ตลาดญี่ปุ่นของการบินไทยจะขยับขึ้นจากที่มีกว่า 20% ใกล้แตะ 30% ได้ในปีนี้”
สำหรับกำไรต่อหน่วย (yield) ในภาพรวมของปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน ซึ่งสาเหตุหนึ่งได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า ทำให้ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ไม่เป็นไปตามแผน แต่ทั้งนี้ ในปีหน้าจะมีการออกแบบให้รับกับภาวะเรื่องค่าเงินบาทด้วย และคาดว่าในปีหน้า yield คงจะดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (28 ต.ค.) เวลา 14.30 น. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีกำหนดตรวจเยี่ยมและให้นโยบายที่บริษัทการบินไทย สำนักงานใหญ่