นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยได้ร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการจัดทำแคมเปญดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย สร้างรายได้ให้ประเทศ ในวาระครบ 60 ปี ของทั้ง 2 หน่วยงาน ในปี 2563 โดยในส่วนของการบินไทยมีผู้โดยสารเฉลี่ยปีละ ประมาณ 18-20 ล้านคน ความร่วมมือดังกล่าวจะมีการแชร์ข้อมูลด้านการตลาดและนักท่องเที่ยว โดยการบินไทยจะนำมาวางแผนด้านการตลาด เพื่อเพิ่มอัตราการเดินทางของนักท่องเที่ยวเข้าไทยด้วยเครื่องบินการบินไทยในทุกเส้นทางได้
โดยในปี 2562 คาดว่าอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยจะเกือบ 80% แต่รายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วย (Yield) ยังต่ำกว่าปี 2561 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า และการแข่งขันด้านราคา ซึ่งปี 2563 ตั้งเป้า Cabin Factor จะไม่ต่ำกว่า 80% โดยจะไม่ใช้ราคาเป็นตัวแข่งขัน แต่จะกำหนดราคาที่เหมาะสมที่จับต้องได้ และจะมีการปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ โดยการเพิ่มมูลค่า (Value Added) มีการออกโปรโมชัน มีเรื่องการชอปปิ้งออนไลน์
โดยใช้ไมล์สะสมกับลูกค้าที่เป็น สมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส (ROP) ก่อน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการกระตุ้นตลาด โดยเป็นกลไกราคาที่จะเพิ่มประโยชน์กับสมาชิกในการใช้ไมล์สะสม เช่น สามารถใช้ไมล์ที่น้อยลงในการแลกบัตรโดยสาร การรับไมล์สะสมมากกว่าช่วงเวลาปกติ สิทธิพิเศษจากพันธมิตรของ ROP ทั้งในไทยและต่างประเทศ การใช้ไมล์สะสมแลกซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของการบินไทย รวมถึงกิจกรรมกระตุ้นการขายในช่วงโลว์ซีซัน ครอบคลุมทุกเส้นทางของการบินไทย ตามฤดูการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศตลอดปี 2563
“ปัจจุบันสมาชิก ROP ประมาณ 3 ล้านคน มีการเคลื่อนไหวประมาณ 7-8 แสนคน เป้าหมายในปี 63 จะเพิ่มจำนวน ลูกค้า ROP ที่มีการเคลื่อนไหวอีกเท่าตัว”
นอกจากนี้ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) อีกอย่างน้อย 2-3% จากปี 2562 โดยจะเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบินเฉลี่ยเป็น 12.5 ชั่วโมง เนื่องจากปัจจุบันมีฝูงบิน 102 ลำ โดยเป็นของไทยสมายล์จำนวน 20 ลำ ส่วนการบินไทย มี 82 ลำ แต่บินจริงประมาณ 90% หรือประมาณ 74 ลำ เชื่อว่าจะเป็นส่วนที่ช่วย Yield ในภาพรวมในปี 2563 ให้ดีขึ้น
สำหรับสายการบินไทยสมายล์นั้น เมื่อต้นปี 2562 มีอัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบินเฉลี่ย 8.15 ชั่วโมง และคาดว่า ปี 2563 จะใช้เพิ่มเป็น 10.30 ชั่วโมงต่อลำตลอดทั้งปี ซึ่งจะทำให้การบินไทยสามารถสลับเที่ยวบินที่เป็นเส้นทางใกล้ให้ไทยสมายล์ทำการบินแทน เพื่อให้การบินไทยสามารถนำเครื่องบินที่เคยใช้ในเส้นทางใกล้ ไปบินในเส้นทางไกล ซึ่งจะเพิ่มชั่วโมงบินของเครื่องบินและเพิ่มปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) ได้อีกทาง
นายสุเมธกล่าวว่า ในปี 2562 คาดว่าจะลดผลการขาดทุนของการบินไทยและไทยสมายล์ ซึ่งการบินไทยถือหุ้น 100% ลงจากที่ขาดทุนรวมกัน 3,600 ล้านบาท เหลือขาดทุนประมาณ 2,200 ล้านบาท และปี 2563 เมื่อสามารถดำเนินการแผนการตลาดได้เป็นไปตามเป้าหมาย มีการเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่างไทยสมายล์กับการบินไทย ไทยสมายล์จะเป็น Connecting Partner อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจะไม่เน้นเรื่องราคาแต่เน้นการเชื่อมต่อที่สะดวก มีบริการที่ดี จะทำให้ทั้งระบบหยุดการขาดทุนได้
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า ความร่วมมือกับการบินไทยจะมีการจัดแคมเปญดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตลอดปี 2563 ครอบคลุมนักเดินทางทุกกลุ่ม อาทิ กลุ่มซิลเวอร์ เอจ (Silver Age) กลุ่มมิลเลนเนียม (Millennium) กลุ่มเจนเอ็กซ์ (GEN X) เป็นต้น ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เพื่อเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศ เช่น นักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยสายการบินไทยสามารถใช้บัตรที่นั่ง (Boarding Pass) มาเป็นส่วนลดกับร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ เป็นต้น
ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้านักท่องเที่ยวไว้ที่ 41.8 ล้านคน จากปีนี้ที่มีจำนวน 39.8 ล้านคน โดยจะเริ่มตั้งแต่ช่วงปีใหม่ โดยการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเคานต์ดาวน์ในประเทศไทย ต่อด้วยเทศกาลตรุษจีน