ผู้โดยสารรายหนึ่งโวย สายการบินโลว์คอสต์เจ้าดังโฆษณาขายตั๋ว “ชั้นประหยัดพรีเมียม” จองไปเป็นหมื่น แต่วันเดินทางกลับดาวน์เกรด ไล่ให้นั่งชั้นธรรมดาโดยไม่ให้อะไรเลย อ้างผู้โดยสารน้อยเลยลดเครื่องลงมา พอร้องเรียนขอคืนส่วนต่างกลับไม่ให้ อ้างขายบัตรเกินจำนวนทั้งที่คนละเรื่อง
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ในโซเชียลมีเดียมีการแชร์เรื่องราวจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความร้องเรียนสายการบินราคาประหยัด (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) รายหนึ่งที่เปิดเส้นทางบินกรุงเทพ (ดอนเมือง)-โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โดยอ้างว่าเพิ่งเปิดตัวเครื่องบินใหม่ แอร์บัส A330 Neo พร้อมกับเก้าอี้ที่นั่งพรีเมียมเฟล็กซ์แบบแฟลตเบด (Premium Flex Flat Bed) แบบเดียวกับสายการบินคู่แข่ง จึงตัดสินใจทำการจองในราคาที่แพงกว่า และสิทธิประโยชน์น้อยกว่า ซึ่งในวันจองราคาชั้นประหยัดอยู่ที่ราคา 5,000 บาท ไม่รวมน้ำหนักสัมภาระ ก่อนการเดินทางมีอีเมลยืนยันเที่ยวบิน ตามวันและเวลาที่จองไป ไม่ได้เอะใจอะไร
แต่เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ซึ่งเป็นวันเดินทาง ได้เข้าเช็กอินที่ช่องพรีเมียมตามปกติ แต่ถูกเรียกให้ไปเช็กอินที่ช่องธรรมดา โดยลัดคิวคนที่ต่อคิวในแถว พนักงานที่เคาน์เตอร์ใส่หน้ากากปิดปากไม่ได้แจ้งอะไร นั่งอยู่พักหนึ่งก็ไปที่ Service Desk ยืนคุยอยู่พักหนึ่งแล้วเดินกลับมา ไม่ได้พูดอะไร ถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า พนักงานตอนกลับมาว่ามีปัญหาเรื่องตั๋วนิดหน่อย หลังจากนั้นพนักงานก็ยื่นหนังสือเดินทางพร้อมบัตรโดยสารคืนมาให้ และไม่ได้พูดอะไรอีก แม้กระทั่งบอกว่าที่นั่งตรงไหน ประตูขึ้นเครื่องหมายเลขอะไร เวลาขึ้นเครื่องกี่โมงก็ไม่พูด ไปถึงหน้าประตูเครื่อง เวลาขึ้นเครื่องช้าไปประมาณ 15 นาที และไม่ได้แบ่งตามชั้นบัตรโดยสาร ให้ทุกคนเดินขึ้นได้เลย ประหนึ่งนั่งรถทัวร์ สืบทราบมาว่าวันนั้นมีผู้โดยสารประมาณ 110 คน
ไปถึงหน้าเครื่อง ปรากฏว่าไม่มีเก้าอี้ที่นั่งพรีเมียมเฟล็กซ์แบบแฟลตเบด ลูกเรือแจ้งว่าผู้โดยสารน้อย จึงทำการเปลี่ยนเครื่องลำเล็กลงมาแทน คือเครื่องบินโบอิ้ง 737 เพื่อลดต้นทุนการให้บริการ ก่อนเรียกพนักงานภาคพื้นมาให้ แจ้งว่าสามารถขอคืนส่วนต่าง (Refund) ไปได้ เช่น ถ้าซื้อบัตรโดยสารมา 10,000 บาท แต่ที่นั่งชั้นประหยัดราคา 5,000 บาท สามารถขอคืนส่วนต่าง 5,000 บาทไปได้ ตอนนั้นเวลาประมาณ 04.00 น. ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ต้องจำใจนั่งไปอย่างนั้น อีกทั้งได้ทำการส่งอีเมลร้องเรียนไปยังสายการบินซึ่งเป็นอีเมลกลางสำหรับรับเรื่อง จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อกลับมาเลย
ต่อมาวันที่ 9 พ.ย.ซึ่งเป็นวันเดินทางกลับ น้อสาวโทรศัพท์ไปยังคอลเซ็นเตอร์ว่าจะใช้เครื่องบินรุ่นไหนมาบิน ได้คำตอบมาว่าใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737 ลำเดียวกับขาไป หมายความว่าไม่มีที่นั่งพรีเมียมเฟล็กซ์เหมือนเดิม มาถึงหน้าเคาน์เตอร์เช็กอิน คิดแล้วว่าไม่มีแน่นอน จึงแจ้งพนักงานไปว่าขอที่นั่งแถวหน้าสุด พนักงานทางฝั่งญี่ปุ่นขอโทษ และได้ทำการติดแท็กติดกระเป๋าเป็น First Priority ให้ แต่สิ่งนี้ไม่ช่วยอะไร เพราะกลายเป็นกระเป๋าออกมาช้ามากๆ โดยลูกเรือบนเครื่องก็แจ้งว่าที่นั่งพรีเมียมเฟล็กซ์จะมาแล้วแต่วัน เครื่องจะบินเฉพาะวันที่มีผู้โดยสารมากกว่า 300 คนขึ้นไปเท่านั้น ครอบครัวที่นั่งมาข้างๆ พ่อแม่ และลูกอายุขวบกว่าๆ ก็โดนเคสเดียวกัน ซึ่งเสียค่าโดยสารทั้งหมดกว่า 4 หมื่นบาท เพราะอยากให้ลูกนอนสบายๆ พอถึงไทยก็โวยวายบนเครื่อง พนักงานที่มารับเครื่องแจ้งแบบเดียวกับตอนขาไปว่าเคลมส่วนต่างได้ ให้ติดต่อห้องจำหน่ายบัตรโดยสารได้เลย
กลับมาถึงประเทศไทย โทรศัพท์ไปที่คอลเซ็นเตอร์ คุยกับพนักงานผู้ชาย รับเลข PNR พักสายไปประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นตัดสายทิ้ง เมื่อพยายามติดต่อกลับไป ได้ความว่าพนักงานรายนั้นเลิกงานไปแล้ว พยายามติดต่อกลับไปอีกครั้งก็ถูกพักสายไปอีกเกือบ 20 นาที หลังจากนั้นได้รับคำตอบว่าหากยังไม่ได้เดินทาง สามารถเปลี่ยนเส้นทางได้ แต่ถ้าเดินทางไปแล้วไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย เมื่อติดต่อห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร พนักงานแจ้งว่า ตั๋วที่ซื้อมาเป็นราคาโปรโมชัน จึงไม่สามารถเปลี่ยนหรือคืนได้ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น หากตั๋วยังไม่ได้เดินทาง สามารถเปลี่ยนได้ แต่คืนเงินส่วนต่างไม่ได้ หากในวันนั้นผู้โดยสารถูก downgrade ไปแล้วจะไม่สามารถคืนส่วนต่างได้ เพราะถือว่าได้ทำการเดินทางไปแล้ว
หลังจากนั้นจึงให้พนักงานช่วยเช็กราคาบัตรโดยสารชั้นประหยัดให้ พนักงานตอบมาว่า บัตรโดยสารที่แพงที่สุด ยังไม่รวมน้ำหนักกระเป๋า ราคาอยู่ที่ 39,545 บาท (ไป-กลับ) จึงถามว่าแพงกว่าการบินไทยช่วงเทศกาลอีก พนักงานตอบกลับมาว่า ก็แล้วแต่ความพึงพอใจเลย หลังจากนั้นขอคุยกับผู้จัดการ (Duty Manager) ในวันนั้น แจ้งว่ายังไงก็ไม่ได้เงินคืน พร้อมพิมพ์เงื่อนไขและข้อกำหนดของการขายบัตรโดยสารเกินจำนวนที่กำหนดมาให้อ่าน ซึ่งมันเป็นคนละกรณี และยังให้เขียนใบร้องเรียนไว้ แค่นั้นเป็นอันจบ ตนเปิดราคาตั๋วของไฟลต์ต่อไปของกรุงเทพฯ-โอซากา ไปกลับ ในวันถัดไป ราคาที่โปรโมชันอยู่ที่ 3,600 บาท และราคาเต็มอยู่ที่ 4,200 บาท ซึ่งต่างจากที่พนักงานได้บอกมากคือ 39,545 บาท
“ณ ปัจจุบันนี้ เราไม่สามารถเคลมอะไรเลย เนื่องจากการเดินทางได้สิ้นสุดลงไปแล้ว การเปลี่ยนตั๋ว หรือดาวน์เกรด หรือเปลี่ยนเครื่องบินที่ให้บริการ ไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้า เพราะฉะนั้นก่อนเดินทางแนะนำให้โทร.ไปเช็กกับคอลเซ็นเตอร์ก่อนให้เรียบร้อย ถ้าไม่อยากเสี่ยงโดนดาวน์เกรด แนะนำให้ซื้อแบบธรรมดา แล้วค่อยมาอัปเกรดหากมีที่นั่งว่างจะดีกว่า แต่ถ้าอยากลองเสี่ยงโชค สามารถลองซื้อดูได้ แล้วแต่แต้มบุญของใครของมันล้วนๆ มีอะไรอย่าโทร.หาคอลเซ็นเตอร์ เพราะนอกจากจะไม่ได้คำตอบอะไรแล้ว ยังจะทำให้คุณหงุดหงิดใจเปล่าๆ ซะเอง ให้ไปคุยกับพนักงานเลย การที่ถูกดาวน์เกรด นั่นหมายถึงคุณจะไม่ได้รับบริการอะไรเลยในสิ่งที่คุณซื้อไป ไม่ว่าจะเป็นที่นั่ง อาหาร น้ำ การเช็กอินที่เร็วกว่า อุปกรณ์บนเครื่อง เช่น ผ้าห่ม หมอน สิ่งที่คุณควรจะได้ทั้งหมดจะไม่ได้รับเลย แต่ว่าต้องจ่ายราคาที่แพงกว่าคนปกติประมาณ 3-4 เท่าเลย มาถึงตรงนี้ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนจบ ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ ไม่อยากให้ใครพลาดแล้วเจอแบบเราอีก” เจ้าของโพสต์ระบุ
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่