ผู้จัดการรายวัน360 - “บิ๊กดาต้า” พระเอกหน้าเก่า แต่กำลังทรงอิทธิพลมากที่สุดของโลกออนไลน์ จุดเปลี่ยนวงการสื่อและสินค้า ต้องผนึกกำลังกัน เพื่อก้ามข้ามสู่โลกธุรกิจอนาคต ตอกย้ำด้วย “แอดยิ้มชูบิ๊กดาต้าเพิ่มพันธมิตร” และยักษ์ใหญ่ “สหพัฒน์” จับมือ “วีจีไอ” ลุยบิ๊กดาต้า งานนี้ใครบุกก่อน ชนะ!
“บิ๊กดาต้า” ไม่ได้หมายถึงการกรอกข้อมูลเฉพาะของผู้บริโภคทางโลกออนไลน์เท่านั้น แต่หมายถึงทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากการกระทำของผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการเล่นโซเชียล การกดแชร์ กดไลก์ ติดตาม หรือ การท่องโลกออนไลน์ในทุกรูปแบบ และการใช้ชีวิตผ่านทุกแพลตฟอร์มดิจิทัล
ปัจจุบันบิ๊กดาต้าที่ใหญ่ที่สุดยังไม่มีใครที่รวบรวมได้สำเร็จ เพราะต่างฝ่ายต่างเก็บเพื่อใช้วิเคราะห์ในเชิงธุรกิจของตนเองเท่านั้น ที่สำคัญ ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีขุมทรัพย์อยู่ในมือ แต่ยังใช้ประโยชน์จากมันไม่เป็น
“ภาพรวมการใช้บิ๊กดาต้าของประเทศไทย อยู่ในช่วงของการรวมรวมข้อมูล และเริ่มนำไปต่อยอดวางแผนบริหารจัดการต่างๆ เช่นในเรื่องของการทำCRM และกำลังมีผลชัดเจนในเรื่องของรายได้และการลดต้นทุน โดยมองว่ากลุ่มธุรกิจที่ต้องพึ่งพาบิ๊กดาต้ามาที่สุดในเวลานี้ คือ สถาบันการเงิน, ประกันภัย, อสังหาริมทรัพย์, อี-คอมเมิร์ช และวงการสื่อ ส่วนกลุ่มสินค้าที่ยังไม่เคยเก็บข้อมูลบิ๊กดาต้าเลย ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ชาเขียว ครีมบำรุงผิว เป็นต้น” นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง “แอดยิ้ม” บริษัท วายดีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าว
ขณะที่เม็ดเงินเบื้องต้นสำหรับนำมาใช้ในเรื่องของบิ๊กดาต้าอยู่ที่ 5 ล้านบาทขึ้นไป โดยมองว่า ปีนี้ (2561) ความต้องการในการใช้บริการเรื่องบิ๊กดาต้าเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าตัวเมื่อเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถสรุปออกมาเป็นมูลค่าได้
นายธนพล กล่าวต่อว่า กระแสเรื่องของบิ๊กดาต้ามีการพูดถึงมาได้ 2-3 ปีแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งถือเป็นคลังข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาล และเป็นข้อมูลดิบที่ยังไม่มีการจัดให้เป็นระเบียบระบบ ที่สำคัญยังไม่รู้วิธีที่จะนำมาใช้
แต่ในปีนี้เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้น บริษัทและองค์กรต่างๆ เริ่มเห็นถึงความสำคัญและนำบิ๊กดาต้ามาต่อยอดการบริหารจัดการและขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มของดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ที่นำบิ๊กดาต้ามาใช้อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด จาก บัตรสมาชิก เป็นต้น
ในส่วนของแอดยิ้มได้ให้บริการและเข้าไปช่วยลูกค้าเรื่องของบิ๊กดาต้ามาตลอด จนมาถึงปีนี้มีความพร้อมจึงได้ตั้งแผนก Digital Data Analysis เพื่อเข้าไปช่วยลูกค้าทำ Big Data ที่สามารถเอามาใช้จริงในการทำตลาดปัจจุบัน และยังมีแผนที่จะร่วมทุนกับธุรกิจสื่อในกลุ่มสิ่งพิมพ์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับการบริการที่มีอยู่ จากปัจจุบันแอดยิ่มเป็นเพียงผู้ให้บริการด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งและไม่มีสื่อเป็นของตัวเอง
*** “วีจีไอ” ผนึกกำลังลุยผ่านบิ๊กดาต้า
ปฎิเสธไม่ได้ว่า ที่สุดของโลกออนไลน์ คือ การเข้าถึงข้อมูลของกลุ่มผู้บริโภคแบบโลกเสมือนจริง นั่นหมายถึงเรามาถึงจุดที่ต้องเข้าเจาะตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า “บิ๊กดาต้า” กุญแจที่จะไขโลกทั้งใบไว้ในมือคุณ โดยเฉพาะโลกออนไลน์ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคในทุกกิจกรรม จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่หลายธุรกิจเริ่มนำบิ๊กดาต้ามาเดิมเกมส์อนาคตหลังจากนี้
นายกวิน กาญจนพาสน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาประกาศการดำเนินธุรกิจในปี 2561 ว่า จะก้าวขึ้นเป็นบิ๊กมีเดียเจ้าแรกที่รวบรวมตลาดมีเดียทั้งหมด ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ “Pioneering Solutions for Tomorrow” กับโมเดลธุรกิจใหม่ Offline-to-Online: O2O Solutions รายแรกและหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าและผู้บริโภคครบทุกขั้นตอน
“วิสัยทัศน์ของวีจีไอหลังจากนี้ จะมุ่งสร้างโมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์กับโลกยุคใหม่ เพราะไม่สามารถโฟกัสรายได้เฉพาะงบโฆษณาอีกต่อไป แต่ต้องขยายแพลตฟอร์มมากกว่าธุรกิจให้เช่าพื้นที่โฆษณา โดยอาศัยทั้ง 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านที่ ธุรกิจให้บริการชำระเงินของแรบบิท กรุ๊ป และธุรกิจโลจิสติกส์ที่ครบวงจรของเคอรี่เอ็กซ์เพรส และเดโม เพาเวอร์ จากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา วีจีไอเดินหน้าเข้าซื้อธุรกิจใหม่ๆ เข้ามา”
ส่งผลให้วีจีไอถือเป็นเจ้าใหญ่รายแรกของไทย ที่มีบิ๊กดาต้าครอบคลุมทั้งสื่อรถไฟฟ้า สื่อนอกบ้าน บัตรแรบบิท และโลจิสติกส์ในไทย ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้ ถือเป็นกลุ่มคนเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของทุกกลุ่มธุรกิจ แต่วีจีไอยังขาดบิ๊กดาต้าในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภค จึงไม่แปลกใจที่ล่าสุดกลางปีที่ผ่านมาบริษัท บีทีเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของวีจีไอ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “Big Data Partnership & Business Collaboration” กับทางสหพัฒน์ เดินหน้าลุยบิ๊กดาต้าไปด้วยกัน
*** “สหพัฒน์” ชูบิ๊กดาต้าขับเคลื่อนธุรกิจ
สำหรับบิ๊กดาต้าแล้ว วีจีไอ คือ ตัวกลางที่ช่วยลูกค้าใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้า แต่สำหรับสหพัฒน์ถือเป็นลูกค้าที่จะใช้ประโยชน์กับบิ๊กดาต้า โดยการนำบิ๊กดาต้าของตนเองรวมกับของวีจีไอ เพราะกลุ่มเป้าหมายของทั้งสองบริษัทเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้เห็นข้อมูลที่หลากหลายและกว้างมากขึ้น ทำให้สามารถกำหนด แผนการทำธุรกิจได้อย่างแม่นยำต่อไป โอกาสที่จะนำมาซึ่งรายได้และการลงทุนที่ดีขึ้นย่อมดีกว่าเดิม
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ได้กล่าวถึงความสำคัญของบิ๊กดาต้าไว้ว่า บิ๊กดาต้าเป็นศาสตร์ใหม่ที่จะเปลี่ยนชีวิตของคนทุกคน และทุกธุรกิจ และในอนาคต ที่สำคัญเป็นการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่การค้าแบบเดิมทำไม่ได้ และยังลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจด้วย จากในอดีตจะอาศัยเซ้นส์หรือประสบการณ์ที่เคยทำมาของแต่ละคน บางครั้งถูก บ้างครั้งผิด แต่เมื่อมี Big Data ทุกอย่างจะถูกวางแผนอย่างแม่นยำ จากเมื่อก่อนเราทำสินค้าขายแล้วค่อยดึงคนมาซื้อ จากนี้บิ๊กดาต้าจะทำให้เราวิเคราะห์ในการผลิตสินค้าออกมาให้ตรงกับความต้องการ และจากการที่สหพัฒน์มีสินค้ามากมาย และครอบคลุมหลายๆ ธุรกิจ ดังนั้นบิ๊กดาต้าจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปในอนาคต.
แน่นอนว่า บทสรุปของ “บิ๊กดาต้า” คือ ข้อมูลที่นำเสนอตัวตนของผู้บริโภค บนโลกออนไลน์ อันนำมาซึ่งขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ของเจ้าของสินค้าและบริการต่างๆในอนาคต และประโยชน์อย่างมหาศาลในการนำมาเป็นเข็มทิศของการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกันผู้บริโภคเองก็จะกลายเป็นผู้กำหนดความต้องการ ซึ่งเจ้าของสินค้าและบริการเหล่านี้ จะต้องเดินหน้านำความต้องการเหล่านั้นให้ถึงประตูบ้าน
ตอกย้ำว่าสุดท้ายแล้ว “บิ๊กดาต้า” เป็นอำนาจในการควบคุมเกมของผู้บริโภค เพราะมีสิทธิ์เลือกสินค้าที่หลากหลาย เป็นเรื่องที่วิน-วินทั้งสองฝ่าย หากนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
“บิ๊กดาต้า” ไม่ได้หมายถึงการกรอกข้อมูลเฉพาะของผู้บริโภคทางโลกออนไลน์เท่านั้น แต่หมายถึงทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากการกระทำของผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการเล่นโซเชียล การกดแชร์ กดไลก์ ติดตาม หรือ การท่องโลกออนไลน์ในทุกรูปแบบ และการใช้ชีวิตผ่านทุกแพลตฟอร์มดิจิทัล
ปัจจุบันบิ๊กดาต้าที่ใหญ่ที่สุดยังไม่มีใครที่รวบรวมได้สำเร็จ เพราะต่างฝ่ายต่างเก็บเพื่อใช้วิเคราะห์ในเชิงธุรกิจของตนเองเท่านั้น ที่สำคัญ ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีขุมทรัพย์อยู่ในมือ แต่ยังใช้ประโยชน์จากมันไม่เป็น
“ภาพรวมการใช้บิ๊กดาต้าของประเทศไทย อยู่ในช่วงของการรวมรวมข้อมูล และเริ่มนำไปต่อยอดวางแผนบริหารจัดการต่างๆ เช่นในเรื่องของการทำCRM และกำลังมีผลชัดเจนในเรื่องของรายได้และการลดต้นทุน โดยมองว่ากลุ่มธุรกิจที่ต้องพึ่งพาบิ๊กดาต้ามาที่สุดในเวลานี้ คือ สถาบันการเงิน, ประกันภัย, อสังหาริมทรัพย์, อี-คอมเมิร์ช และวงการสื่อ ส่วนกลุ่มสินค้าที่ยังไม่เคยเก็บข้อมูลบิ๊กดาต้าเลย ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ชาเขียว ครีมบำรุงผิว เป็นต้น” นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง “แอดยิ้ม” บริษัท วายดีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าว
ขณะที่เม็ดเงินเบื้องต้นสำหรับนำมาใช้ในเรื่องของบิ๊กดาต้าอยู่ที่ 5 ล้านบาทขึ้นไป โดยมองว่า ปีนี้ (2561) ความต้องการในการใช้บริการเรื่องบิ๊กดาต้าเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าตัวเมื่อเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถสรุปออกมาเป็นมูลค่าได้
นายธนพล กล่าวต่อว่า กระแสเรื่องของบิ๊กดาต้ามีการพูดถึงมาได้ 2-3 ปีแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งถือเป็นคลังข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาล และเป็นข้อมูลดิบที่ยังไม่มีการจัดให้เป็นระเบียบระบบ ที่สำคัญยังไม่รู้วิธีที่จะนำมาใช้
แต่ในปีนี้เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้น บริษัทและองค์กรต่างๆ เริ่มเห็นถึงความสำคัญและนำบิ๊กดาต้ามาต่อยอดการบริหารจัดการและขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มของดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ที่นำบิ๊กดาต้ามาใช้อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด จาก บัตรสมาชิก เป็นต้น
ในส่วนของแอดยิ้มได้ให้บริการและเข้าไปช่วยลูกค้าเรื่องของบิ๊กดาต้ามาตลอด จนมาถึงปีนี้มีความพร้อมจึงได้ตั้งแผนก Digital Data Analysis เพื่อเข้าไปช่วยลูกค้าทำ Big Data ที่สามารถเอามาใช้จริงในการทำตลาดปัจจุบัน และยังมีแผนที่จะร่วมทุนกับธุรกิจสื่อในกลุ่มสิ่งพิมพ์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับการบริการที่มีอยู่ จากปัจจุบันแอดยิ่มเป็นเพียงผู้ให้บริการด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งและไม่มีสื่อเป็นของตัวเอง
*** “วีจีไอ” ผนึกกำลังลุยผ่านบิ๊กดาต้า
ปฎิเสธไม่ได้ว่า ที่สุดของโลกออนไลน์ คือ การเข้าถึงข้อมูลของกลุ่มผู้บริโภคแบบโลกเสมือนจริง นั่นหมายถึงเรามาถึงจุดที่ต้องเข้าเจาะตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า “บิ๊กดาต้า” กุญแจที่จะไขโลกทั้งใบไว้ในมือคุณ โดยเฉพาะโลกออนไลน์ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคในทุกกิจกรรม จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่หลายธุรกิจเริ่มนำบิ๊กดาต้ามาเดิมเกมส์อนาคตหลังจากนี้
นายกวิน กาญจนพาสน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาประกาศการดำเนินธุรกิจในปี 2561 ว่า จะก้าวขึ้นเป็นบิ๊กมีเดียเจ้าแรกที่รวบรวมตลาดมีเดียทั้งหมด ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ “Pioneering Solutions for Tomorrow” กับโมเดลธุรกิจใหม่ Offline-to-Online: O2O Solutions รายแรกและหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าและผู้บริโภคครบทุกขั้นตอน
“วิสัยทัศน์ของวีจีไอหลังจากนี้ จะมุ่งสร้างโมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์กับโลกยุคใหม่ เพราะไม่สามารถโฟกัสรายได้เฉพาะงบโฆษณาอีกต่อไป แต่ต้องขยายแพลตฟอร์มมากกว่าธุรกิจให้เช่าพื้นที่โฆษณา โดยอาศัยทั้ง 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านที่ ธุรกิจให้บริการชำระเงินของแรบบิท กรุ๊ป และธุรกิจโลจิสติกส์ที่ครบวงจรของเคอรี่เอ็กซ์เพรส และเดโม เพาเวอร์ จากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา วีจีไอเดินหน้าเข้าซื้อธุรกิจใหม่ๆ เข้ามา”
ส่งผลให้วีจีไอถือเป็นเจ้าใหญ่รายแรกของไทย ที่มีบิ๊กดาต้าครอบคลุมทั้งสื่อรถไฟฟ้า สื่อนอกบ้าน บัตรแรบบิท และโลจิสติกส์ในไทย ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้ ถือเป็นกลุ่มคนเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของทุกกลุ่มธุรกิจ แต่วีจีไอยังขาดบิ๊กดาต้าในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภค จึงไม่แปลกใจที่ล่าสุดกลางปีที่ผ่านมาบริษัท บีทีเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของวีจีไอ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “Big Data Partnership & Business Collaboration” กับทางสหพัฒน์ เดินหน้าลุยบิ๊กดาต้าไปด้วยกัน
*** “สหพัฒน์” ชูบิ๊กดาต้าขับเคลื่อนธุรกิจ
สำหรับบิ๊กดาต้าแล้ว วีจีไอ คือ ตัวกลางที่ช่วยลูกค้าใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้า แต่สำหรับสหพัฒน์ถือเป็นลูกค้าที่จะใช้ประโยชน์กับบิ๊กดาต้า โดยการนำบิ๊กดาต้าของตนเองรวมกับของวีจีไอ เพราะกลุ่มเป้าหมายของทั้งสองบริษัทเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้เห็นข้อมูลที่หลากหลายและกว้างมากขึ้น ทำให้สามารถกำหนด แผนการทำธุรกิจได้อย่างแม่นยำต่อไป โอกาสที่จะนำมาซึ่งรายได้และการลงทุนที่ดีขึ้นย่อมดีกว่าเดิม
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ได้กล่าวถึงความสำคัญของบิ๊กดาต้าไว้ว่า บิ๊กดาต้าเป็นศาสตร์ใหม่ที่จะเปลี่ยนชีวิตของคนทุกคน และทุกธุรกิจ และในอนาคต ที่สำคัญเป็นการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่การค้าแบบเดิมทำไม่ได้ และยังลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจด้วย จากในอดีตจะอาศัยเซ้นส์หรือประสบการณ์ที่เคยทำมาของแต่ละคน บางครั้งถูก บ้างครั้งผิด แต่เมื่อมี Big Data ทุกอย่างจะถูกวางแผนอย่างแม่นยำ จากเมื่อก่อนเราทำสินค้าขายแล้วค่อยดึงคนมาซื้อ จากนี้บิ๊กดาต้าจะทำให้เราวิเคราะห์ในการผลิตสินค้าออกมาให้ตรงกับความต้องการ และจากการที่สหพัฒน์มีสินค้ามากมาย และครอบคลุมหลายๆ ธุรกิจ ดังนั้นบิ๊กดาต้าจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปในอนาคต.
แน่นอนว่า บทสรุปของ “บิ๊กดาต้า” คือ ข้อมูลที่นำเสนอตัวตนของผู้บริโภค บนโลกออนไลน์ อันนำมาซึ่งขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ของเจ้าของสินค้าและบริการต่างๆในอนาคต และประโยชน์อย่างมหาศาลในการนำมาเป็นเข็มทิศของการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกันผู้บริโภคเองก็จะกลายเป็นผู้กำหนดความต้องการ ซึ่งเจ้าของสินค้าและบริการเหล่านี้ จะต้องเดินหน้านำความต้องการเหล่านั้นให้ถึงประตูบ้าน
ตอกย้ำว่าสุดท้ายแล้ว “บิ๊กดาต้า” เป็นอำนาจในการควบคุมเกมของผู้บริโภค เพราะมีสิทธิ์เลือกสินค้าที่หลากหลาย เป็นเรื่องที่วิน-วินทั้งสองฝ่าย หากนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.