"สนธิรัตน์" เปิดตัว "บิ๊กดาต้า" ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยระบบ AI มั่นใจพลิกโฉมหน้าการช่วยเหลือฐานราก ช่วยคนทำอาชีพ และวางแผนผลักดันส่งออก ย้ำเป็นข้อมูลเปิด ทุกคนในประเทศใช้ได้ "วุฒิไกร"แจงวิธีใช้งาน ตรวจสอบได้หมดจังหวัดไหนทำธุรกิจอะไร ธุรกิจไหนกำลังเติบโต อยากลงทุนแฟรนไชส์ทำอะไรได้บ้าง ลึกถึงเจาะส่งออกรายตัว เผยเฉพาะ SMEs อยากเรียนหลักสูตรทำธุรกิจ สามารถเลือกตามที่ต้องการ
วานนี้ (26 ก.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดตัว "บิ๊กดาต้า" ที่จะนำมาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในทุกระดับด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการหาทางลดค่าครองชีพ ช่วยสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ การพัฒนาผู้ประกอบการ ตลอดจนการติดตามภาวะการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการพลิกโฉมการช่วยเหลือประชาชน ภาคธุรกิจครั้งใหญ่ของกระทรวงพาณิชย์ที่จะมีข้อมูลมาสนับสนุนและประกอบการตัดสินใจ
โดยสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากทำบิ๊กดาต้า จะมีข้อมูลที่จะนำมาใช้ในการกำหนดนโยบายช่วยเหลือประชาชนในด้านค่าครองชีพ สามารถดูได้ว่าร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่มีอยู่ 4 หมื่นแห่ง และร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ใช้มือถือรับชำระค่าสินค้าจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2 แสนราย มีสินค้าอะไรขายดี จะทำการส่งเสริมได้ถูกต้อง เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ หรือในด้านการทำอาชีพ ประชาชนสามารถเข้ามาดูได้ว่าอาชีพอะไรเหมาะสมกับตัวเองและในพื้นที่ๆ ตัวเองอยู่ จะทำธุรกิจอะไรได้บ้าง
สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) สามารถเข้ามาดูได้ว่ามีการฝึกอบรมหรือสัมมนาอะไรที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อที่จะได้เข้าร่วมได้ตรงตามที่ต้องการ เพราะมีการบูรณาการหลักสูตรฝึกอบรมของทุกหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์มาไว้ที่เดียวกัน ขณะที่ในด้านการค้าระหว่างประเทศ สามารถดูได้ว่าการส่งออกไปประเทศไหนดี ประเทศไหนตก สินค้าไหนดี หรือสินค้าไหนยอดตก และจะดูได้ว่ามีสาเหตุจากอะไร เพื่อที่จะนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจในการกำหนดนโยบายได้ ทั้งในส่วนของเอกชนเองและในส่วนของกระทรวงพาณิชย์
"ข้อมูลบิ๊กดาต้าที่กระทรวงพาณิชย์ทำ จะเป็นโอเพ่นดาต้า คนทุกคนในประเทศนี้สามารถเข้ามาใช้บริการได้ สามารถเข้ามาดูข้อมูล เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจได้ เพราะเมื่อก่อนใครมีข้อมูลมาก จะเป็นคนที่มีเพาเวอร์มาก แต่ตอนนี้ เรานำข้อมูลทั้งหมดมาเปิดให้บริการแบบฟรีๆ ทุกคนดูได้ ทุกคนมีข้อมูลเท่ากันหมด เป็นการวางรากฐานให้กับประเทศในอนาคต"นายสนธิรัตน์กล่าว
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าจัดทำโครงการบิ๊กดาต้า กล่าวว่า ประชาชนสามารถเข้าไปใช้บริการข้อมูลบิ๊กดาต้าได้ผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์ www.moc.go.th โดยประโยชน์จากบิ๊กดาต้า ยกตัวอย่างเช่น สามารถดูได้ว่าจังหวัดไหนขับเคลื่อนด้วยธุรกิจอะไร หากอยากจะลงทุนจะรู้ว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จหรือไม่ หรือถ้ามีธุรกิจในใจที่จะลงทุน เช่น โรงแรม จะดูได้ว่าควรจะไหลงทุนในจังหวัดไหนดี และลงทุนโรงแรมแบบไหน ขนาดใหญ่ เล็ก หรือสำหรับนักท่องเที่ยวแบ็กแพค หรือในจังหวัดยากจน 10 จังหวัด สามารถดูได้ว่าธุรกิจไหนมีโอกาส ควรทำธุรกิจอะไร เป็นต้น
"ที่สำคัญ สามารถดูได้เลยว่าถ้ามีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะทำธุรกิจอะไร สามารถเข้ามาตรวจสอบได้ว่าจะทำธุรกิจแฟรนไชส์อะไรได้บ้าง ระบบก็จะบอกออกมาหมด เช่น ขายหมูปิ้ง ขายน้ำ แต่ถ้าเพิ่มวงเงินเข้าไป ก็จะมีธุรกิจให้เลือกทำเพิ่มขึ้น"นายวุฒิไกรกล่าว
นายวุฒิไกรกล่าวว่า ในด้านการค้าระหว่างประเทศ สามารถดูได้ว่าการส่งออกไปประเทศนั้น ประเทศนี้ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นหรือลดลง และดูลึกได้เป็นรายสินค้า เช่น กุ้ง ส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง จะดูได้ว่าลดลงเพราะอะไร หากเป็นการลดลงเพราะถูกกีดกัน จะดูต่อได้ว่าจะมีเวทีเจรจาไหนที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า ซึ่งจะสามารถวางแผนส่งข้อมูลให้ผู้บริหารไปเจรจาได้
สำหรับการช่วยเหลือ SMEs ปัจจุบันแต่ละหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ต่างคนต่างดำเนินการ แต่ระบบบิ๊กดาต้า ได้รวบรวมทุกหลักสูตรมาไว้ที่เดียวกัน เริ่มตั้งแต่หลักสูตรเริ่มต้นการทำธุรกิจ หลักสูตรต่อยอดการทำธุรกิจ หลักสูตรสู่สากล และการค้าดิจิทัล ซึ่งSMEs สามารถเข้าไปดูได้ว่ามีหลักสูตรอะไรสอดคล้องกับตัวเอง และเลือกเรียนได้
วานนี้ (26 ก.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดตัว "บิ๊กดาต้า" ที่จะนำมาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในทุกระดับด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการหาทางลดค่าครองชีพ ช่วยสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ การพัฒนาผู้ประกอบการ ตลอดจนการติดตามภาวะการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการพลิกโฉมการช่วยเหลือประชาชน ภาคธุรกิจครั้งใหญ่ของกระทรวงพาณิชย์ที่จะมีข้อมูลมาสนับสนุนและประกอบการตัดสินใจ
โดยสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากทำบิ๊กดาต้า จะมีข้อมูลที่จะนำมาใช้ในการกำหนดนโยบายช่วยเหลือประชาชนในด้านค่าครองชีพ สามารถดูได้ว่าร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่มีอยู่ 4 หมื่นแห่ง และร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ใช้มือถือรับชำระค่าสินค้าจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2 แสนราย มีสินค้าอะไรขายดี จะทำการส่งเสริมได้ถูกต้อง เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ หรือในด้านการทำอาชีพ ประชาชนสามารถเข้ามาดูได้ว่าอาชีพอะไรเหมาะสมกับตัวเองและในพื้นที่ๆ ตัวเองอยู่ จะทำธุรกิจอะไรได้บ้าง
สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) สามารถเข้ามาดูได้ว่ามีการฝึกอบรมหรือสัมมนาอะไรที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อที่จะได้เข้าร่วมได้ตรงตามที่ต้องการ เพราะมีการบูรณาการหลักสูตรฝึกอบรมของทุกหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์มาไว้ที่เดียวกัน ขณะที่ในด้านการค้าระหว่างประเทศ สามารถดูได้ว่าการส่งออกไปประเทศไหนดี ประเทศไหนตก สินค้าไหนดี หรือสินค้าไหนยอดตก และจะดูได้ว่ามีสาเหตุจากอะไร เพื่อที่จะนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจในการกำหนดนโยบายได้ ทั้งในส่วนของเอกชนเองและในส่วนของกระทรวงพาณิชย์
"ข้อมูลบิ๊กดาต้าที่กระทรวงพาณิชย์ทำ จะเป็นโอเพ่นดาต้า คนทุกคนในประเทศนี้สามารถเข้ามาใช้บริการได้ สามารถเข้ามาดูข้อมูล เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจได้ เพราะเมื่อก่อนใครมีข้อมูลมาก จะเป็นคนที่มีเพาเวอร์มาก แต่ตอนนี้ เรานำข้อมูลทั้งหมดมาเปิดให้บริการแบบฟรีๆ ทุกคนดูได้ ทุกคนมีข้อมูลเท่ากันหมด เป็นการวางรากฐานให้กับประเทศในอนาคต"นายสนธิรัตน์กล่าว
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าจัดทำโครงการบิ๊กดาต้า กล่าวว่า ประชาชนสามารถเข้าไปใช้บริการข้อมูลบิ๊กดาต้าได้ผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์ www.moc.go.th โดยประโยชน์จากบิ๊กดาต้า ยกตัวอย่างเช่น สามารถดูได้ว่าจังหวัดไหนขับเคลื่อนด้วยธุรกิจอะไร หากอยากจะลงทุนจะรู้ว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จหรือไม่ หรือถ้ามีธุรกิจในใจที่จะลงทุน เช่น โรงแรม จะดูได้ว่าควรจะไหลงทุนในจังหวัดไหนดี และลงทุนโรงแรมแบบไหน ขนาดใหญ่ เล็ก หรือสำหรับนักท่องเที่ยวแบ็กแพค หรือในจังหวัดยากจน 10 จังหวัด สามารถดูได้ว่าธุรกิจไหนมีโอกาส ควรทำธุรกิจอะไร เป็นต้น
"ที่สำคัญ สามารถดูได้เลยว่าถ้ามีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะทำธุรกิจอะไร สามารถเข้ามาตรวจสอบได้ว่าจะทำธุรกิจแฟรนไชส์อะไรได้บ้าง ระบบก็จะบอกออกมาหมด เช่น ขายหมูปิ้ง ขายน้ำ แต่ถ้าเพิ่มวงเงินเข้าไป ก็จะมีธุรกิจให้เลือกทำเพิ่มขึ้น"นายวุฒิไกรกล่าว
นายวุฒิไกรกล่าวว่า ในด้านการค้าระหว่างประเทศ สามารถดูได้ว่าการส่งออกไปประเทศนั้น ประเทศนี้ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นหรือลดลง และดูลึกได้เป็นรายสินค้า เช่น กุ้ง ส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง จะดูได้ว่าลดลงเพราะอะไร หากเป็นการลดลงเพราะถูกกีดกัน จะดูต่อได้ว่าจะมีเวทีเจรจาไหนที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า ซึ่งจะสามารถวางแผนส่งข้อมูลให้ผู้บริหารไปเจรจาได้
สำหรับการช่วยเหลือ SMEs ปัจจุบันแต่ละหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ต่างคนต่างดำเนินการ แต่ระบบบิ๊กดาต้า ได้รวบรวมทุกหลักสูตรมาไว้ที่เดียวกัน เริ่มตั้งแต่หลักสูตรเริ่มต้นการทำธุรกิจ หลักสูตรต่อยอดการทำธุรกิจ หลักสูตรสู่สากล และการค้าดิจิทัล ซึ่งSMEs สามารถเข้าไปดูได้ว่ามีหลักสูตรอะไรสอดคล้องกับตัวเอง และเลือกเรียนได้