“สนธิรัตน์” มอบพาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่แนะนำเกษตรกรเพาะปลูกให้ตรงตามความต้องการของตลาด

“สนธิรัตน์” มอบพาณิชย์จังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศจับมือ “เกษตร” ลงพื้นที่ฝึกอบรมเกษตรกรใช้การตลาดนำการผลิต เพื่อให้เพาะปลูกพืชเกษตรได้ตรงตามความต้องการของตลาด ป้องกันปัญหาราคาตกต่ำ พร้อมเดินหน้ารับสมัครร้านค้ารายย่อยเข้าร่วมโครงการรับชำระค่าสินค้าจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐผ่านแอปมือถือให้ได้ 1 แสนร้านโดยเร็ว

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. 2561 กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ทำการฝึกอบรมความรู้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย ภายใต้โครงการไทยนิยมยั่งยืน เพื่อสร้างทักษะและส่งเสริมการวางแผนการเพาะปลูกสินค้าเกษตรให้ตรงตามความต้องการของตลาดตามนโยบายการตลาดนำการผลิตที่กระทรวงฯ ส่งเสริม ซึ่งจะเป็นการป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ ทำให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น

“ได้ส่งเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศลงพื้นที่ไปยังชุมชนต่างๆ เพื่อให้ความรู้เกษตรกรเกี่ยวกับการเพาะปลูกพืชเกษตรให้ตรงตามความต้องการของตลาด และยังได้เข้าไปช่วยในการเชื่อมโยงตลาด เพิ่มช่องทางในการขาย มีเป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น”

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า กระทรวงฯ ยังได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์เร่งขับเคลื่อนการรับสมัครร้านค้ารายย่อยให้เข้าร่วมโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงินประชารัฐ” รับชำระค่าสินค้าจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยตั้งเป้าให้ได้ 100,000 ร้านค้า เพื่อช่วยในการลดภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้ถือบัตร เพราะจะได้มีทางเลือกในการซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐเดิมที่มีอยู่ 4 หมื่นแห่ง และร้านค้ารายย่อยที่รับชำระค่าสินค้าผ่านแอปฯ

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้เข้าไปช่วยเหลือผู้ผลิตสินค้าชุมชน สินค้าโอทอป และสินค้าเอสเอ็มอี ให้มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น ทั้งการจำหน่ายผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ หรือเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ที่มีอยู่ทั่วประเทศ และพัฒนาให้สามารถใช้ช่องทางออนไลน์ในการจำหน่ายสินค้าด้วย โดยจะช่วยผลักดันให้เข้าไปจำหน่ายในเว็บไซต์ของดีทั่วไทย และหากมีความเข้มแข็งก็จะผลักดันให้เข้าไปจำหน่ายในเว็บไซต์ไทยเทรดดอตคอม เพื่อจำหน่ายออกสู่ตลาดต่างประเทศต่อไป

“การดำเนินการดังกล่าวเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อผลักดันให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ผลักดันให้ชุมชนมีการเติบโต และจะมีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นในที่สุด” นายสนธิรัตน์กล่าว