ไทยจับมืออียูผลักดัน WTO เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการกีดกันและตอบโต้ทางการค้า และหาทางให้สมาชิกหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการก่อนที่จะลุกลามเป็นสงครามการค้า เผยยังได้ผลักดันการเจรจารอบโดฮาให้สำเร็จ และแก้ปัญหาอียูออกกฎระเบียบทางการค้าจนกระทบผู้ประกอบการไทย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะทำงานด้านการค้าและการลงทุนไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ครั้งที่ 13 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3 ก.ค. 2561 ที่กรุงเทพฯ ว่า ที่ประชุมได้เน้นการหารือแลกเปลี่ยนถึงสถานการณ์การค้าโลกในปัจจุบันที่หลายประเทศเริ่มมีการนำมาตรการกีดกันและตอบโต้ทางการค้ามาใช้กันมากขึ้น จนเกิดความตึงเครียดและเสี่ยงต่อการเกิดสงครามการค้า โดยไทยและอียูในฐานะสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ยืนยันจะร่วมมือกันในการผลักดันการทำงานของ WTO เพื่อให้ความสำคัญต่อระบบการค้าพหุภาคี และให้สมาชิก WTO หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการทางการค้าฝ่ายเดียวในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางการค้า
ทั้งนี้ ไทยยังได้หารือกับอียูในการผลักดันการเจรจา WTO รอบโดฮาให้คืบหน้า โดยเฉพาะการจัดทำกฎระเบียบ WTO เรื่องการอุดหนุนประมง บทบาทและการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการขนาดย่อยเล็กกลางในการค้าโลก และการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ซึ่งรัฐมนตรี WTO เมื่อปี 2560 ได้มีมติให้เร่งดำเนินการ
ขณะเดียวกัน ได้ติดตามการใช้มาตรการและกฎระเบียบทางการค้าของอียู โดยเฉพาะการยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากพืชรวมทั้งน้ำมันปาล์มในปี 2573 โดยเหตุผลเรื่องการทำลายป่าไม้และเพิ่มก๊าซเรือนกระจก การออกกฎระเบียบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการเตรียมออกกฎระเบียบของสหภาพยุโรปเพื่อจัดเก็บภาษีดิจิทัลจากผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เป็นต้น เพราะมาตรการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนไทยที่ทำธุรกิจกับอียู จึงได้ขอให้อียูจัดหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดำเนินงานและให้ข้อมูลในรายละเอียด เพื่อช่วยให้ฝ่ายไทยเข้าใจสาระสำคัญและแนวทางการปฏิบัติตามกฎหมายมากขึ้น
ส่วนอียูได้สอบถามไทยเกี่ยวกับความคืบหน้าการจัดทำระบบการส่งสินค้าผ่านแดนระหว่างอาเซียน การปรับแก้ไขกฎหมายศุลกากรและสรรพสามิต เป็นต้น และอียูยังเห็นว่าไทยมีความคืบหน้าในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายทางการค้า ทั้งกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา กฎหมายแข่งขันทางการค้า และกฎหมายศุลกากร ที่ช่วยทำให้บรรยากาศการค้าการลงทุนดีขึ้น
