“พาณิชย์” ถกภาครัฐและเอกชนหาทางแก้ปัญหาส่งออกรถยนต์ไทยไปเวียดนาม ชงทำ MRA แก้ปัญหาการตรวจสอบมาตรฐาน พร้อมกดดันเวียดนามในทุกเวทีให้เลิกใช้มาตรการกีดกัน ส่วนสหรัฐฯ ประกาศไต่สวนขึ้นภาษีนำเข้ายานยนต์และชิ้นส่วน เตรียมรับมือแล้ว
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ว่า ได้หารือถึงการแก้ไขปัญหาเวียดนามกีดกันการนำเข้ารถยนต์ โดยมีข้อสรุปที่จะผลักดันให้มีการจัดทำความตกลงยอมรับร่วม (MRA) มาตรฐานยานยนต์ไทย-เวียดนาม เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการขอเอกสารรับรองจากหน่วยงานรัฐ และแก้ปัญหาการเสียเวลาและค่าใช้จ่ายที่หน่วยงานทั้งสองฝ่ายตรวจซ้ำในเรื่องเดียวกัน
ทั้งนี้ การจัดทำ MRA จะช่วยแก้ปัญหาความซ้ำซ้อน ไม่ต้องตรวจสอบซ้ำที่เวียดนามอีก โดยในส่วนของไทยได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงคมนาคมเป็นผู้ดูแล และกำลังจะดูว่าหน่วยงานที่รับรองผิดชอบเวียดนามคือใคร เพื่อที่จะประสานได้ถูกต้อง โดยหากทำสำเร็จจะช่วยลดขั้นตอน และทำให้การส่งออกรถยนต์ไปเวียดนามเร็วขึ้น สะดวกขึ้น โดยจะเสนอเวียดนามในเวทีการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ในเดือน ส.ค.นี้
ส่วนในระหว่างนี้กรมฯ จะทำหนังสือถึงเวียดนามเพื่อแจ้งข้อกังวลเรื่องความล่าช้า และการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการส่งออกรถยนต์ของผู้ประกอบการไทย ซึ่งเดิมพบว่าการส่งออกรถยนต์ไปเวียดนามใช้ระยะเวลานำรถออกไม่เกิน 3-4 วัน เพิ่มเป็น 30 วัน เพื่อให้เวียดนามได้รับรู้ และเร่งแก้ไขปัญหา และยังจะหยิบยกเพื่อกดดันในเวทีต่างๆ ที่มีโอกาสพบปะกับเวียดนาม ทั้งในกรอบอาเซียน การประชุมในกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และเวทีอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
สำหรับการส่งออกรถยนต์ไทยไปเวียดนาม ปัจจุบันมีการส่งออกไปประมาณ 6,500 คัน จากเป้าที่ภาคเอกชนตั้งไว้ที่ 65,000 คัน เพราะเอกชนมีความกังวล จึงอยากแนะนำให้เอกชนเร่งส่งออก เพราะแม้จะมีความล่าช้าอยู่บ้างแต่ก็ยังส่งออกได้ และยังดีกว่ายอดส่งออกในภาพรวมตก
นางอรมนกล่าวว่า กรณีที่สหรัฐฯ เปิดไต่สวนสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนนำเข้าจากต่างประเทศตามมาตรา 232 ของกฎหมาย Trade Expansion Act ปี 1962 ได้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชนเพื่อเตรียมมาตรการรับมือแล้ว โดยเห็นว่าการพิจารณาจะใช้เวลาประมาณ 9 เดือนถึงจะได้ข้อสรุป และจากนั้นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีเวลาอีก 3 เดือนในการตัดสินว่าจะขึ้นภาษีหรือไม่ แต่เพื่อเป็นการไม่ประมาท ระหว่างนี้จะมีการเตรียมการด้านข้อมูลต่างๆ เพื่อเอาไว้ใช้ชี้แจงกับสหรัฐฯ ว่าการส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนของไทยไม่ได้กระทบต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ และกระทบความมั่นคงของสหรัฐฯ เพราะไทยส่งออกไปสหรัฐฯ ในลำดับที่ 18 มีมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากที่สหรัฐฯ นำเข้าจากทั่วโลก 2.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
“ได้แนะนำภาคเอกชนให้ทำการคุยกับผู้ซื้อ ผู้นำเข้า ซึ่งเป็นคู่ค้า ให้เตรียมความพร้อม เพื่อขอให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยกเว้นการเก็บภาษีเป็นรายสินค้า เหมือนกับที่ทำสำเร็จแล้วกรณีที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการชี้แจงสหรัฐฯ และขอให้ยกเว้นการเก็บภาษีเป็นรายประเทศ ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนก็ต้องเตรียมผลักดันการส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ เช่น สหภาพยุโรป (อียู) ในส่วนของยางล้อ เป็นต้น” นางอรมนกล่าว