xs
xsm
sm
md
lg

ภาครัฐ-เอกชน-ประชาสังคมผนึกกำลัง ลดขยะพลาสติกในทะเล 50% ในปี 70

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการความร่วมมือเพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเล 50% ในปี 2570 ด้านภาคเอกชนลดการผลิตพลาสติกใช้ครั้งเดียวลง โดยแนะใช้พลาสติกชีวภาพ พร้อมหันมาผลิตพลาสติกใช้ได้หลายครั้งแทน

วันนี้ (5 มิ.ย.) กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาชิกองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (TBCSD) หน่วยงานภาคเอกชน และมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย จัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ “โครงการความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม รวมกว่า 20 หน่วยงานได้แสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการขับเคลื่อนโครงการไปด้วยกันเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี เพื่อจัดการปัญหาขยะและส่งเสริมการใช้พลาสติกอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเลไทยลงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2570
 
นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการฯ นี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการจัดการปัญหาขยะและการใช้พลาสติกอย่างถูกต้องในประเทศไทย เพราะเป็นครั้งแรกที่ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคมได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งเป็นสมาชิกภายใต้กลุ่มพลาสติกที่มีผู้ผลิตกว่า 177 บริษัท ซึ่งจะมีบทบาทในการสนับสนุนการพัฒนาและปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีพลาสติกที่จะช่วยให้ใช้พลาสติกในการผลิตน้อยลงหรือนำกลับมาใช้ซ้ำและรีไซเคิลได้มากขึ้น

โดยจะพัฒนามาตรฐานธุรกิจรีไซเคิล การส่งเสริมผู้ประกอบการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับการใช้พลาสติกอย่างยั่งยืน ครอบคลุมไปถึงการใช้หลักการ 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) และการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคและประชาชนในการคัดแยกขยะและจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางที่ถูกวิธี เพื่อสร้างวัฒนธรรมและเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค การสร้างโมเดลเมืองสะอาดในพื้นที่นำร่องกรุงเทพมหานคร เขตคลองเตย และ จังหวัดระยอง และการจัดทำฐานข้อมูลพลาสติกในประเทศไทย ให้เป็นเครื่องชี้วัดผลสัมฤทธิ์ของโครงการและเป็นข้อมูลพลาสติกของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
 
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวว่า พลาสติกเป็นทรัพยากรที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้และมีคุณค่า สามารถนำมาสร้างประโยชน์ต่อเนื่องในรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy แต่การจัดการทรัพยากรพลาสติกเหลือใช้จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ไม่เพียงกลุ่มผู้ผลิตพลาสติกเท่านั้น แต่ทุกภาคธุรกิจล้วนมีส่วนร่วม เพราะพลาสติกเป็นวัสดุที่มีบทบาทในธุรกิจในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านบรรจุภัณฑ์
 
นางสุวรรณา จุ่งรุ่งเรือง รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครสามารถจัดเก็บขยะประเภทถุงพลาสติกได้วันละประมาณ 80 ล้านชิ้น โดยเฉลี่ยประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ใช้ถุงพลาสติกคนละ 8 ชิ้นต่อวัน ซึ่งปัญหาที่พบคือ หลังจากที่ประชาชนใช้ถุงพลาสติกแล้วก็จะทิ้งทันที ปัจจุบันการฝังกลบมีค่าใช้จ่ายตันละ 700 บาท และพื้นที่ใช้สำหรับการฝังกลบกำลังจะไม่เพียงพอ จึงถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจะต้องมาร่วมมือกันเพื่อลดปริมาณขยะ ทั้งการลดปริมาณการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งและจัดการคัดแยกอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำพลาสติกกลับไปใช้ได้หมดไม่ต้องเหลือทิ้งในสิ่งแวดล้อม
 
นายสมชัย มาเสถียร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การสร้างจิตสำนึก สร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพลาสติก และปรับพฤติกรรมการคัดแยกขยะตั้งแต่เยาวชน เพื่อให้มีการใช้พลาสติกอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากขยะพลาสติกส่วนใหญ่เป็นพลาสติกจำพวกถุง หลอด ขวด ฝาจุก และภาชนะบรรจุอาหาร ที่กลายเป็นปัญหาขยะทะเล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศ แหล่งท่องเที่ยว สภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ทะเล และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
 
ทั้งนี้ ประเทศไทยติดอันดับ 6 ใน 192 ประเทศที่มีขยะในทะเลมากที่สุดในโลก โดยข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษและกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุว่า ประเทศไทยมี 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล ซึ่งมีปริมาณขยะประมาณ 11.47 ล้านตัน โดยที่ขยะปริมาณกว่า 14% หรือประมาณ 1.55 ล้านตัน มีขยะพลาสติกอยู่ประมาณ 340,000 ตัน หรือ 10-15% มีโอกาสลงสู่ทะเลได้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อระบบนิเวศทางทะเลโดยรวมและสัตว์ทะเล

ขณะที่ภาคเอกชนซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกก็พยายามที่จะลดการผลิตพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง แต่จะหันมาผลิตพลาสติกที่ใช้ได้หลายครั้งแทน โดยพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งจะรณรงค์ให้ใช้พลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้แทนเพื่อลดปัญหาขยะ
 
ด้านพันธมิตรโครงการ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย และสถาบันพลาสติก กระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย องค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (TBCSD) บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอสซีจี มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย สมาคมสร้างสรรค์ไทย และองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN)


กำลังโหลดความคิดเห็น