“บ้านปู” เดินหน้าลุยธุรกิจ Shale Gas ที่สหรัฐอเมริกาเพิ่ม ทุ่มงบอีก 300 ล้านเหรียญเพื่อซื้อกิจเพิ่มเติม คาดเห็นดีลซื้อในปีนี้
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนธุรกิจก๊าซฯ ที่สหรัฐอเมริกาเพิ่มอีก 300 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่ใช้งบลงทุนไปแล้ว 520 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเข้าซื้อกิจการธุรกิจก๊าซฯ ในแหล่งใกล้เคียงกับแหล่งก๊าซเดิมที่รัฐเพนซิลเวเนีย ที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจ Shale Gas ก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้มีการเจรจาอยู่หลายโครงการ คาดว่าจะเห็นการเข้าซื้อกิจการในปีนี้
สำหรับมูลค่าโครงการธุรกิจก๊าซฯ ที่บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อตั้งแต่ 60-150 ล้านเหรียญสหรัฐ/แหล่ง ที่ผ่านมา บ้านปูใช้เงินลงทุนไปแล้ว 500 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ มีกำลังการผลิตก๊าซฯ 200 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน การตัดสินใจลงทุนเพิ่มเติมเนื่องจากธุรกิจก๊าซในสหรัฐฯ ยังมีความน่าสนใจให้ผลตอบแทนในการลงทุนดี
นางสมฤดีกล่าวต่อไปว่า ส่วนธุรกิจถ่านหิน บริษัทฯ ตั้งเป้าจำหน่ายถ่านหิน 45 ล้านตัน มาจากอินโดนีเซีย 26 ล้านตัน ออสเตรเลีย 14.1 ล้านตัน ที่เหลือจีนโดยราคาถ่านหินขณะนี้ปรับตัวสูงมากอยู่ที่ 104-107 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งบริษัทมองว่าแนวโน้มราคาถ่านหินในช่วงครึ่งปีหลังนี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงมาต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐ แต่ไม่น่าจะต่ำกว่า 80 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ปัจจุบันบริษัทฯ มีการขายถ่านหินที่ล่วงหน้าไปแล้ว 97% โดยมีบางส่วนที่กำหนดราคาขายล่วงหน้าไปแล้วและเหลืออีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้กำหนดราคาขายทำให้บริษัทมีโอกาสขายถ่านหินได้ในราคาที่สูงใกล้เคียงตลาดโลก
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 คาดว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2561 เนื่องจากราคาถ่านหินอยู่ระดับสูงและธุรกิจไฟฟ้าไม่มีการปิดซ่อมบำรุงในไตรมาสนี้ รวมทั้งจะไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษคดีโรงไฟฟ้าหงสาแล้ว
นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BPP) กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการโครงการโซลาร์ฟาร์มเพิ่มเติมในญี่ปุ่นจำนวน 10-15 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 20-50 เมกะวัตต์/โครงการ คาดว่าจะชัดเจนภายในปลายปีนี้ จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งโครงการโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 233.3 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทฯ มองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมในกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งโรงไฟฟ้าพลังลมในเวียดนาม ที่คาดว่าจะได้ใบอนุญาตในการลงทุนในเร็วๆ นี้