บมจ. บ้านปู ขาดทุนสุทธิไตรมาสแรกกว่า 1,262 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 188% ผู้บริหารเผยสาเหตุหลักจากการแบกรับค่าใช้จ่ายตามคำพิพากษาคดีหงสา กว่า 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นางสมฤดี ชัยมงคล บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU แจ้งผลการดำเนินงานประจำไตรมาสแรกสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 1,262.89 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.245 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,434.62 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.289 บาท หรือขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 2,697.51 ล้านบาท คิดเป็น 188.03%
บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 22,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 67 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 11% ส่วนใหญ่เกิดจากราคาขายถ่านหินในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น กับการลงลงของปริมาณขายถ่านหินเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยรายได้จากการขายถ่านหินจำนวน 593 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 85% ของรายได้จากการขายรวม รายได้จากการไขไฟฟ้า ไอน้ำ และอื่นๆ 81 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 11% ของรายได้รวม และรายได้จากธุรกิจก๊าซ 26 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 4% ของรายได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสแรก ยังคงมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) คิดเป็น 227 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจาก Q4/60 17% แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกปีก่อน 5% ประกอบด้วย EBITDA ธุรกิจถ่านหิน 162 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากธรุกิจไฟฟ้า 51 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และธุรกิจก๊าซ 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายตามคำพิพากษาคดีหงสา จำนวน 86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บวกกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วร้อยละ 5 เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้บริษัทรับรู้ขาดทุนจากอัตราแกลเปลี่ยนจำนวน 33 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้น งบการเงินรวมจึงรายงานผลขาดทุนสุทธิ 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ