“ศิริ” ยันความจริงไม่ซื้อไฟพลังงานทดแทน 5 ปีก็ไม่กระทบเหตุสำรองไฟเพียบ แต่เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีพร้อมหนุนภายใต้เงื่อนไขค่าไฟต้องไม่เกิน 2.44 บาทต่อหน่วย เว้นขยะ ชีวมวล 3 จังหวัดใต้ ส่วนโซลาร์รูฟท็อปไม่ล้มแน่แต่จะไม่ใช้คำว่าเสรี รวมทั้งโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำที่ กฟผ.จับมือเอสซีจี พร้อมเปิดทางเอกชนโดดร่วมวง
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ข้อเท็จจริงแล้วไฟฟ้ามีสำรองเพียงพอหากจะไม่รับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนออกไปอีก 5 ปี แต่เพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีต่อยอดให้เกิดขึ้นกระทรวงพลังงานพร้อมที่จะสนับสนุนภายใต้เงื่อนไขที่ค่าไฟต้องไม่เกิน 2.44 บาทต่อหน่วยซึ่งเป็นค่าไฟเฉลี่ยที่เกิดจากการประมูล SPP Hybrid Firm ซึ่งมีผู้ชนะการประมูล 17 ราย จำนวน 300 เมกะวัตต์ หากรับซื้อชีวมวลที่สูงกว่าก็เท่ากับไม่ยุติธรรมกับ 17 รายนี้ ส่วนเชื้อเพลิงอื่นๆ ก็ควรจะมีราคาเช่นเดียวกัน ยกเว้นขยะ ชีวมวล 3 จังหวัดใต้ที่มีมิติอื่นๆ มาเกี่ยวข้อง
สำหรับโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาที่อยู่อาศัย (โซลาร์รูฟท็อปเสรี) นั้นยืนยันว่ายังไม่ล้มแต่จะไม่ใช้คำว่าเสรี โดยโซลาร์รูฟท็อปจะเป็นแกนหลักในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในอนาคต ไม่เกินสิ้นปีนี้จะเปิดกว้างให้เกิดการแข่งขันได้ รวมถึงการส่งเสริมควบคู่ไปกับการสนับสนุนโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ (Floating Solar Farm) ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีแผนที่จะลงทุนราว 500-1,000 เมกะวัตต์ และจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมการดำเนินงาน เพื่อที่จะนำไปสู่การพัฒนาและวิจัยต่อยอดเทคโนโลยีของไทยเอง
สำหรับโซลาร์ฟาร์มแบบลอยน้ำ (Floating Solar Farm) นั้น ปัจจุบัน กฟผ.มีโครงการความร่วมมือกับบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในระดับ 2.4-2.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีแรกของโลกที่ผสมผสานการผลิตไฟจากแสงอาทิตย์กับน้ำในเขื่อนที่ไม่ต้องสร้างสายส่งใหม่เพราะมีระบบต่างๆ รองรับในเขื่อนอยู่แล้ว ดังนั้น หากเอกชนรายใดมั่นใจว่าสามารถผลิตไฟฟ้าในต้นทุนที่แข่งขันได้ก็สามารถเข้าร่วมดำเนินงานกับ กฟผ.ได้ทันที ซึ่งขณะนี้ กฟผ.อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดที่จะเปิดให้ร่วมดำเนินการคาดว่าจะประกาศได้ในเร็วๆ นี้
ส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนไฮบริด แบบสัญญาผลิตไฟฟ้าเสถียรชั่วคราวหรือ VSPP Semi Firm จำนวน 269 เมกะวัตต์ ที่เดิมมีแผนจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าในปีนี้ นายศิริมองว่า หากไม่สามารถดำเนินการผลิตไฟฟ้าได้ในต้นทุนต่ำกว่า 2.44 บาทต่อหน่วยก็ไม่ควรเดินหน้าโครงการต่อเพื่อให้เป็นภาระต่อผู้ใช้ไฟฟ้าของประเทศ
