ผู้จัดการรายวัน 360 - เอวีจี ไทยแลนด์ สบช่องตลาดจีนโต ลุยตลาดจีนแบบโทเทิล ดิจิตอล มาร์เกตติ้ง โซลูชัน โดยเฉพาะโซเชียลมาร์เกตติ้ง เปิดเคล็ดลับรุกตลาดจีน แนะสินค้าไทยไปจีนยังอนาคตสวย ต้องศึกษาและรอบรู้ในตลาดที่จะไปเปิด ทั้งลูกค้า คู่แข่ง ตลอดจนช่องทางการโปรโมตสินค้า
นางชฎากร ธนสุวรรณเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท AVG Thailand จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิตอลมาร์เกตติ้งในจีน ในเครือ บริษัท วายดีเอ็ม ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า ประเทศจีนนับเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักลงทุนไทย ปัจจุบันไทยส่งออกไปจีนมูลค่ามากกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 12.4% ของการส่งออกไทยทั้งหมด และปัจจุบันจีนมาลงทุนในไทยเป็นอันดับ 3 รองจากญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้จีนจะขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 อย่างแน่นอน
ขณะที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวที่เมืองไทย คาดว่าในปีหน้า (2562) จะมากถึง 10.8 ล้านคน ซึ่งจำนวนประชากรจีนและการใช้จ่ายของคนจีนที่เพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่เติบโตของจีนนั้นจะมีบริษัทและเจ้าของสินค้าจำนวนไม่น้อยอยากไปทำตลาดในจีน ในฐานะที่เอวีจี ไทยแลนด์ ให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านการวางแผนกลยุทธ์การทำตลาดในจีนแบบครบวงจร ทำให้ผลประกอบการของบริษัท 8 หลักตั้งแต่ในไตรมาสแรก
“เอวีจีเรามีทีมงานที่รู้จริงเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภคและวัฒนธรรมของชาวจีน เข้าใจแบรนด์ไทย มีทีมด้าน Creative และ Operation ต่างๆ กว่า 50 ชีวิตที่ประเทศจีน และที่สำคัญ เอวีจีเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ได้ Authorized Partner กับสื่อดิจิตอลรายใหญ่ทั้ง 3 ในจีน Baidu, Alibaba, Tencent ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการทำการตลาดในประเทศจีน” นางชฎากรกล่าว
ส่วนเทรนด์ดิจิตอลมาร์เกตติ้งในจีน ปี 2561 นางชฎากรวิเคราะห์ว่า ในประเทศจีนธุรกิจอีคอมเมิร์ซกับโซเชียลมีเดียถือเป็นเรื่องเดียวกัน ต่างกับไทยและอเมริกา อย่าง WeChat เป็นโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในคนจีนเป็นอย่างมาก เพราะมีฟีเจอร์ซัปพอร์ตให้คนสามารถทำธุรกิจใน WeChat ได้ มีทั้ง customer engagement, customer relationship management (CRM), บริการ online-to-offline (O2O) ฯลฯ ขณะที่ Weibo เองก็มีฟีเจอร์ที่ส่งเสริมในส่วนของคอร์ปอเรตของบริษัทให้คลิกตรงไปที่อีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มได้ทันที
“คนจีนใช้โซเชียลมีเดียเพื่อติดต่อกับเพื่อน การหาข้อมูล โดยเฉพาะผ่านทางสมาร์ทโฟน จนเกิดปรากฏการณ์ “Social Search” ที่มีการหาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสอบถามคำแนะนำ และโปรโมชัน
ในส่วนของ “อินฟลูเอนเซอร์” ในจีนนั้นก็นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่แบรนด์นิยมใช้โปรโมตและรีวิวสินค้า และแนวโน้มการสั่งซื้อสินค้าแบบข้ามประเทศของคนจีนปัจจุบันมีจำนวนสูงขึ้นตามรายได้สำหรับซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยที่เพิ่มขึ้น
“เคล็ดลับการทำตลาดในจีนให้ประสบผลสำเร็จนั้น คือ “สินค้าต้องดี” สินค้าไทยเมื่อจะไปทำตลาดในจีนต้องคำนึงระบอบการปกครอง ระบบเศรษฐกิจ พฤติกรรมของลูกค้า คู่แข่ง ซัปพลายเออร์ โดยเฉพาะเรื่องกฎหมาย ส่วนการทำ SEO ในจีนนั้นก็ไม่ง่าย มีความซับซ้อน และค่า Search engine marketing (SEM) ค่อนข้างสูง”
สำหรับสินค้าไทยยอดนิยม ตามข้อมูลใน Tmall แพลตฟอร์ม B2C ที่ใหญ่ที่สุดในจีน คือ หมอนยางพารา, ข้าว, ขนมขบเคี้ยว ส่วนสินค้ากลุ่มที่มาแรงคือ สกินแคร์, เครื่องสำอาง
อย่างไรก็ดี สินค้าไทยที่อยากไปบุกตลาดจีนอย่าลดคุณค่าของสินค้าตัวเองเพื่อให้เข้ากับท้องถิ่นนั้นๆ ให้พยายามบาลานซ์ให้ตรงความต้องการของคนในพื้นที่ ขณะเดียวกับภาษา ก็นับเป็นสิ่งสำคัญ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลเรื่องการเขียนบรรยายถึงผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง และการตั้งราคานั้นสำคัญมาก การตั้งราคาต้องดูให้ดี ดูคู่แข่ง ดูคุณภาพสินค้า ดูกลุ่มเป้าหมาย