“พาณิชย์” รับลูก “สมคิด” ช่วยลดค่าครองชีพคนไทย เตรียมประสานผู้ผลิต เพิ่มการผลิตสินค้าที่ขายดีในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ก่อนนำมาจัดโปรโมชันลดราคาเป็นพิเศษ เล็งจัดหมุนเวียนกันไปแต่ละสินค้า คาดเริ่ม เม.ย. นี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ก่อนขยายไปทุกจังหวัด ลั่นร้านค้าธงฟ้าใดเอาเปรียบประชาชน ทำผิดเงื่อนไข ไม่เอาไว้ ส่วนที่ต้องการคืนเครื่องรูดบัตร ยินดีรับคืน เหตุมีร้านอื่นที่ต้องการเพียบ เผยได้สั่งประเมินผลโครงการ ก่อนสรุปทำต่อหรือไม่
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทำการสำรวจร้านค้าธงฟ้าประชารัฐทุกแห่งในจังหวัดของตนเองว่าสินค้าที่จำหน่ายภายในร้าน มีสินค้าใดขายดี และได้รับความนิยมจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และให้รายงานกลับมายังกรมการค้าภายใน เพื่อที่จะได้ประสานไปยังผู้ผลิตให้ผลิตสินค้าเพิ่มให้กับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ และทำการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย จำหน่ายสินค้าในราคาถูกกว่าปกติ ซึ่งอาจจะทำเป็นช่วงๆ ระยะเวลาสั้นๆ และสับเปลี่ยนหมุนเวียนทำโปรโมชันรายการสินค้าที่เป็นที่ต้องการของประชาชน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง
“จะเชิญผู้ผลิตสินค้าที่ผลิตสินค้าให้กับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐมาหารือ เพื่อให้ผลิตสินค้าที่ได้รับความนิยมและขายดีเพิ่มเติม และจะนำมาจัดโปรโมชันภายในร้าน โดยอาจจะจัดเป็นมุมพิเศษเพิ่มเข้ามา นอกจากสินค้าราคาถูกที่จำหน่ายในร้านค้าธงฟ้าเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะทำครั้งละ 1 - 2 เดือน สลับสับเปลี่ยนสินค้าไปทุกเดือน เช่น น้ำมันพืช จะไปคุยกับผู้ผลิตจัดทำโปรโมชันราคาถูกสัก 1 เดือน ส่วนเดือนหน้าก็เป็นสินค้าอื่นๆ แต่จะทำต่อเนื่อง เพื่อคืนความสุขให้ประชาชน คาดว่า จะเริ่มดำเนินการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อนภายในเดือนเม.ย.นี้ และจะขยายไปยังจังหวัดต่างๆ ต่อไป” นายสนธิรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน เพิ่มรายการสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตร สินค้าชุมชน สินค้าโอทอป สินค้าของผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ในร้านธงฟ้าประชารัฐให้มากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกในการบริโภคสินค้าราคาให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วย
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามข้อสั่งการของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้เดินทางมามอบนโยบายการทำงานให้กับข้าราชการกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2561 ที่ผ่านมา ที่ได้กำชับให้เดินหน้าร้านค้าธงฟ้าประชารัฐต่อ โดยให้สำรวจว่าสินค้าตัวไหนขายดี ก็ให้ประสานผู้ผลิตทุกค่ายมาช่วยกันผลิต และนำไปจำหน่ายในราคาถูกให้กับประชาชน รวมทั้งเปิดโอกาสให้สินค้าชุมชน ได้มีโอกาสจำหน่ายด้วย
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีการร้องเรียนร้านธงฟ้าประชารัฐมีพฤติกรรมเอาเปรียบผู้บริโภคในหลายวิธีนั้น ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดตรวจสอบพฤติกรรมของร้านธงฟ้าประชารัฐทุกแห่งในพื้นที่ของตนเอง หากพบร้านค้าใดทำผิดเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการหรือมีพฤติกรรมเอาเปรียบผู้ถือบัตร จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดถึงขั้นยึดเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) ทันที ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้ดำเนินการอย่างเข้มงวด
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าร้านธงฟ้าประชารัฐจำนวนมาก ต้องการคืนเครื่องรูดบัตรเพื่อขอออกจากโครงการ หากร้านค้าใดไม่ต้องการเข้าร่วมโครงการแล้ว ก็ขอให้คืนเครื่องอีดีซีมาได้ เพื่อจะได้นำไปให้ร้านค้าที่ต้องการเข้าร่วมโครงการอย่างแท้จริงต่อไป เพราะล่าสุด มีร้านธงฟ้าประชารัฐทั่วประเทศแล้ว 20,000 แห่ง และอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องอีดีซีเพิ่มเติมอีก 20,000 แห่งทั่วประเทศ คาดว่า จะติดตั้งแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย. นี้ ซึ่งจะทำให้มีร้านธงฟ้าประชารัฐทั้งหมด 40,000 แห่ง
“ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการประเมินผลการดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หลังจากดำเนินการมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560 และจะสิ้นสุดโครงการสิ้นปี 2561 โดยจะสำรวจว่าโครงการดังกล่าวตรงตามความต้องการของประชาชนหรือไม่ ช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนจริงหรือไม่ เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเพียงใด เป็นต้น ก่อนที่จะนำผลที่ได้มาประกอบการตัดสินใจจะดำเนินโครงการต่อหรือไม่” นายสนธิรัตน์ กล่าว