“พาณิชย์” ยันร้านค้าธงฟ้าประชารัฐเป็นร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าราคาถูกและลดค่าครองชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อยและประชาชนทั่วไป ย้ำการติดตั้งเครื่องรูดบัตร EDC ทำอย่างรวดเร็ว และเน้นการครอบคลุม พร้อมแนะร้านค้าต้องปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้แข่งขันได้ เผยยังมีแผนฝึกอบรมเจ้าของร้าน หวังสร้างการเติบโตในระยะยาวด้วย
นายวิชัย โภชนกิจ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจากจังหวัดพะเยาว่า ร้านประชารัฐท้องถิ่นหั่นราคา และต้องรอการติดตั้งเครื่องเป็นเวลานานว่า เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือให้ประชาชนมีค่าครองชีพลดลง โดยใช้กลไกของร้านค้าธงฟ้าประชารัฐในการให้บริการแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่รัฐบาลออกให้ และประชาชนทั่วไปได้ซื้อสินค้าที่มีราคาต่ำกว่าท้องตลาด โดยได้กำหนดจัดให้มีมุมสินค้าธงฟ้าในร้านค้าธงฟ้าเป็นการเฉพาะ เน้นการจำหน่ายสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และยังใช้เป็นศูนย์รวบรวมสินค้าของชุมชนกระจายไปยังแหล่งบริโภคนอกพื้นที่ ซึ่งการที่ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐขายสินค้าต่ำกว่าท้องตลาด จึงเป็นการทำหน้าที่ของร้านธงฟ้าที่เข้าร่วมโครงการ และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคทั่วไป
สำหรับประเด็นการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ล่าช้านั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีการติดตั้งเครื่องรูดบัตรล่าช้า มีการดำเนินการติดตั้งอย่างเต็มที่ หลังจากที่รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายที่จะให้มีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่องให้ครบถ้วนเบื้องต้น 20,000 ร้านค้า และได้ติดตั้งเสร็จแล้วในช่วงต้นปี 2561โดยเน้นการกระจายพื้นที่ติดตั้งให้ครอบคลุมทุกตำบลจำนวน 7,529 ตำบล และในบางพื้นที่พบว่ามีผู้ถือบัตรหนาแน่น จึงได้เพิ่มการให้บริการได้มากกว่า 1 ร้าน
นอกจากนี้ หลังจากติดตั้งเครื่องรูดบัตรครบถ้วน 20,000 ร้านแล้ว ยังมีร้านค้าประสงค์ที่จะขอเข้าร่วมโครงการอีกเป็นจำนวนมาก จึงได้เสนอรัฐบาลขอเพิ่มเครื่องรูดบัตร และได้รับอนุมัติให้ติดเพิ่มเติมได้อีก 20,000 เครื่อง เมื่อเดือน มี.ค.2561 ที่ผ่านมา โดยเครื่องที่ได้รับอนุมัติเพิ่ม 10,000 เครื่องในส่วนของกระทรวงพาณิชย์จะติดตั้งให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 12 พ.ค. 2561 และคาดว่าในส่วนที่เหลืออีก 10,000 เครื่องจะติดตั้งได้ทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย. 2561
นายวิชัยกล่าวว่า การจำหน่ายสินค้าของร้านค้าธงฟ้าประชารัฐจากการเข้าร่วมโครงการ ได้ทำให้ร้านค้ามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น และเป็นผลดีต่อร้านค้าเองที่สามารถแข่งขันกับร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ได้ ส่วนการซื้อสินค้าเข้ามาเก็บสต๊อกไว้ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ซื้อ ก็ถือเป็นเรื่องปกติที่ร้านค้าซึ่งมียอดขายเพิ่มจะต้องดำเนินการ และกรณีการรับเงินค่าขายสินค้า ก็ยังได้รับการชำระเงินในระยะเวลาอันสั้น โดยธนาคารกรุงไทยจะชำระเงินให้ร้านค้าภายใน 2 วันหลังจากการจำหน่าย ซึ่งไม่ได้ช้าอะไร และถือเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจสมัยใหม่ที่ร้านค้าต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสร้างความเป็นมืออาชีพให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการให้สามารถอยู่รอดได้ในสภาพการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดที่จะให้การอบรมเกี่ยวกับการบริหารร้านค้า การซื้อขาย การบริหารสต๊อก การจัดรูปแบบร้านค้า ตลอดจนการวางแผนด้านบัญชีและภาษีอากร ให้กับเจ้าของร้านค้าเป็นระยะเวลา 5 วัน ทำให้เชื่อมั่นว่าร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการและผ่านการอบรมหลักสูตรดังกล่าวจะมีความเข้มแข็งและแข่งขันได้ในระยะยาว