เบสท์รินฯ ทยอยย้ายรถเมล์NGV. ออกจากพื้นที่รฟม. ตามคำสั่งศาล แต่ไปอยู่อีกจุด ซึ่งยังอยู่ในรั้ว รฟม. อ้างเกรงจะกระทบ ข้อพิพาทกับขสมก. ที่ยังไม่ยุติ ด้านผู้ว่าฯรฟม. เผยให้ฝ่ายกม. พิจารณาและทำตามคำสั่งศาล เตรียมเคลียร์พท.ส่งมอบผู้รับเหมาสายสีส้มทันที ลุ้นไม่มีปัญหาค่าชดเชย
รายงานข่าวแจ้งว่า จากที่ศาลได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2561 ให้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เคลื่อนย้ายรถรถยนต์ โดยสาร (NGV) จำนวน 84 คันทั้งหมดออกจากพื้นที่ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ภายใน 3 วันนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่5 มี.ค. เบสท์รินฯ ได้มีหนังสือถึง รฟม. ขอเคลื่อนย้ายรถเมล์ NGV แล้ว โดยย้ายจากจุดเดิมไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งยังอยู่ในพื้นที่ของรฟม. บริเวณใต้สายไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งรฟม.ยังไม่ได้มีการใช้ประโยชน์ เนื่องจากเบสท์รินฯ ยังมีคดีฟ้องร้องอยู่กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จึงไม่ต้องการให้เสียรูปคดี
ทั้งนี้ ในวันที่ 5 มี.ค.เบสท์รินฯย้ายรถNGV ได้จำนวน 8 คัน แล้ว โดยคาดว่าจะเร่งทยอยย้ายออกจากพื้นที่เดิมทั้งหมดโดยเร็ว
ด้านนายฤทธิกา สุภารัตน์ รองผู้ว่าการ (บริหาร) รักษาการแทนผู้ว่าการ รฟม.กล่าวว่า ทาง เบสท์รินฯ ได้ทำหนังสือ มายังรฟม. หลังจากมีคำสั่งศาล โดยประสานขอย้ายรถออกจากพื้นที่ ที่รฟม.จะใช้ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของรฟม. เป็นผู้ประสานงานในเรื่องพื้นที่ และให้เป็นไปตามคำสั่งศาล
โดยหลังจากเบสท์รินฯเคลื่อนย้ายรถออกจากพื้นที่เดิมหมด รฟม.จะเร่งมอบพื้นที่ให้กลุ่ม CKST JOINT VENTURE ซึ่งเป็นผู้รับจ้าง สัญญาที่ 5 งานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง และอาคารจอดแล้วจร บริเวณสำนักงาน รฟม. ถนนพระราม 9 ห้วยขวาง ทันที
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ทางผู้รับจ้าง ได้มีหนังสือ กรณีที่รฟม.ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวให้ได้ เนื่องจากยังมีรถของเบสท์รินฯอยู่ ซึ่งรฟม.ได้แก้ไขโดยการปรับแผนการก่อสร้างให้ใช้พื้นที่จุดอื่นที่ไม่มีปัญหาก่อน ซึ่งขณะนี้ทางผู้รับจ้างยังไม่มีหนังสือเพิ่มเติม จึงยังไม่มีข้อสรุปเรื่องการขอชดเชยใดๆ เพราะการก่อสร้างในภาพรวมไม่ได้หยุดชะงัก
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2561 ศาลแพ่ง ได้พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ พ๑๑๒๖/๒๕๖๑ ระหว่าง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นโจทก์ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เป็นจำเลย โดยมีคำสั่งให้เบสท์รินฯ ย้ายรถยนต์ โดยสารจำนวน 84 คันออกจากจุดจอดเดิม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของรฟม. ที่ต้องส่งมอบให้แก่คู่สัญญาเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ภายใน 3 วันนับแต่ทราบคำสั่ง หากเบสท์รินฯไม่ปฏิบัติตาม ให้รฟม.ย้ายรถรถยนต์โดยสารจำนวน 84 คัน. ออกจากจุดจอด แล้วนำไปจอดยังจุดจอดแห่งใหม่
เนื่องจาก พฤติการณ์ที่เบสท์รินฯ จอดรถโดยสารจำนวน84 คันในที่ดินของรฟม.ต่อไป อาจทำให้รฟม.ต้องเสียค่าปรับให้แก่คู่สัญญาเดือนละ 5,239,752 บาท ตั้งแต่วันที่1 ก.ย.2560 เรื่องจากไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ตามสัญญา และอาจทำให้การก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดแล้วจร โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ล่าช้าเกินสมควร กรณีมีเหตุฉุกเฉินเพื่อบรรเทาความเสียหายที่รฟม.อาจได้รับต่อไปเนื่องจากการกระทำของเบสท์รินฯ
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559ขสมก.ได้ทำหนังสือถึง รฟม. ขอใช้พื้นที่ของ รฟม. บริเวณลานจอดรถ SV 6 เพื่อจอดรถยนต์โดยสารประมาณ 300 คันในการติดตั้ง GPS ซึ่งมีกำหนดระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2559 (ครบกำหนดวันที่ 14 มกราคม 2560)
ต่อมา เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2560 ขสมก.ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญากับบริษัท เบสท์รินท์ กรุ๊ป จำกัด ให้ชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามสัญญา เป็นสาเหตุทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถยนต์ออกจากพื้นที่ รฟม. ได้ เนื่องจาก ขสมก.และเบสท์รินฯ ต่างอ้าง ไม่ได้เจ้าของรถยนต์ดังกล่าว