แฉ ทอท.ปล่อยมาเฟียเก็บหัวคิวแท็กซี่ดอนเมือง “สตง-ป.ป.ช.” สอบส่อละเว้นไม่ทำตามสัญญา

ทอท.ฉาวอีก “สตง.-ป.ป.ช.” ตรวจสอบพบปล่อย “พลังร่วมฯ” เรียกเก็บค่าสมาชิกและหัวคิวแท็กซี่ดอนเมือง นอกเหนือจากสัญญาที่ให้ดูแลจราจร บริการจุดจอด และรักษาความปลอดภัยเท่านั้น ชี้ ทอท.เข้าข่ายละเว้นปฏิบัติตามสัญญา ผิดวินัยการเงินการคลัง กระทบภาพลักษณ์ เผยปีใหม่แท็กซี่ไม่พอรอกันนาน เหตุไม่จ่ายค่าคิวหมดสิทธิ์รับผู้โดยสาร ลือ! บิ๊ก ทอท.ดิ้นช่วยเอกชนหาช่องเพิ่มเงื่อนไขสัญญาให้เก็บเงินได้ย้อนหลัง
 
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2561   สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ลงนามโดย นางสาวพวงชมนาถ จริยะจินดา รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ทำหนังสือถึง นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เรื่องการตรวจสอบการปฏิบัติตามสัญญาให้บริการแรงงานภายนอกปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือพนักงานรักษาความปลอดภัย ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่าบริษัทผู้รับจ้างมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ขับขี่รถแท็กซี่ในพื้นที่ ทอท. โดย ทอท.ละเว้นการควบคุมดูแลการปฏิบัติตามสัญญา ยินยอมให้บริษัทเรียกเก็บผลประโยชน์นอกเหนือจากข้อกำหนดในสัญญาจ้าง เป็นการกระทำผิดวินัยทางการเงินการคลัง และอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของ ทอท. โดยให้ ทอท.ตรวจสอบข้อเท็จจริงและแจ้งผลให้ สตง.ทราบเพื่อประกอบการตรวจสอบตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542

  ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก สตง.ได้ตรวจสอบการใช้งบประมาณบริหารจัดการระบบรถแท็กซี่ของ ทอท. ซึ่ง ทอท.ได้ว่าจ้าง บริษัท รักษาความปลอดภัยพลังร่วม จำกัด ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือพนักงานรักษาความปลอดภัย รวมถึงดูแลความเรียบร้อยของการจัดจราจรรถแท็กซี่นั้น

  จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวได้ดำเนินการด้านการจัดการจราจร โดยกำหนดให้รถแท็กซี่ทุกคันที่จะเข้าไปรับผู้โดยสารภายในท่าอากาศยานดอนเมืองต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกกับบริษัท มีการเรียกเก็บค่าบริการแรกเข้าจำนวน 50 บาท ค่าทำบัตรสมาชิกจำนวน 100 บาท และทุกเที่ยวที่เข้าไปรับผู้โดยสารในสนามบินดอนเมืองจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวน 10 บาท/เที่ยว ซึ่งการจัดเก็บลักษณะดังกล่าวเป็นการดำเนินการนอกเหนือขอบเขตงานในสัญญาจ้างเหมาเอกชนให้บริการแรงงานภายนอกปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือพนักงานรักษาความปลอดภัยสนามบินดอนเมือง ที่กำหนดให้บริษัทดำเนินการจัดการจราจรบริเวณจุดจอดรถแท็กซี่ และจัดหารถแท็กซี่เพื่อให้มีบริการเพียงพอ และมีการตรวจสอบเอกสารระหว่างผู้โดยสารกับผู้ขับรถแท็กซี่เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร

  ประกอบกับสัญญาจ้างฯ มิได้ระบุให้บริษัทได้สิทธิในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ขับรถแท็กซี่ นอกจากนี้ ตามสัญญาจ้างฯ ข้อ 4 ค่าจ้างและการจ่ายเงินได้ระบุว่า “การจ่ายเงินค่าจ้างได้รวมค่าภาษีอากรอื่นๆ และค่าใช้จ่ายทั้งปวงด้วยแล้ว โดยถือราคาเหมารวมเป็นเกณฑ์”

  รายงานข่าวแจ้งว่า ทอท.ได้ทำสัญญากับบริษัท พลังร่วม จำกัด อนุญาตให้ประกอบกิจการลานจอดรถยนต์ บริเวณคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง (ไม่รวมอาคารจอดรถยนต์ 5 ชั้น) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2551 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2553 อายุสัญญา 3 ปี โดยมีการขยายสัญญาอย่างต่อเนื่อง ต่อมาได้มีการแก้ไขสัญญาจ้างเอกชนให้บริการแรงงานภายนอกปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือพนักงานรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานดอนเมือง และเปลี่ยนชื่อจากบริษัท พลังร่วม จำกัด เป็น บริษัท รักษาความปลอดภัยพลังร่วม จำกัด พร้อมทั้งขยายเวลาสัญญาจ้างอีก 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2559 ถึงวันที่ 1 ต.ค. 2561 โดยเพิ่มเงินค่าจ้างเป็น 277,020,815.98 บาท (ค่างาน 266,185,396.78 บาท + ค่ากะ 10,835,419.20 บาท)

  ทั้งนี้ สัญญาได้กำหนดขอบเขตงานให้ผู้รับจ้างจัดหาพนักงาน ดูแลงานรักษาความปลอดภัย  ตระเวนระงับเหตุ งานจราจร (จัดการจราจรบริเวณจุดจอดแท็กซี่ เรียงลำดับการเข้าออกให้เรียบร้อยและเป็นธรรม จัดจราจรให้รถจอดเพียงพอ ตรวจสอบเอกสารควบคุมระหว่างผู้โดยสารกับคนขับแท็กซี่ บันทึกข้อมูลคนขับแท็กซี่ ฯลฯ ) ด้านการตรวจค้น  รวมถึงกำหนดขอบเขตพื้นที่ในการประกอบกิจการลานจอดรถที่ชัดเจน

  โดยก่อนหน้านี้ เมื่อ 22 ธ.ค. 2559 สตง.ได้เคยมีหนังสือถึง ทอท.ให้ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณี ทอท.ละเลยการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ให้สิทธิต่อผู้ประกอบการ (แท็กซี่) ให้สามารถนำรถจอด ณ จุดจอดภายในสนามบินดอนเมือง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการแท็กซี่ถูกละเมิดเรียกเก็บเงิน 6,000 บาท, ทอท.ละเลยไม่ตรวจสอบการกระทำของบริษัท พลังร่วม จำกัด  ที่มีการเรียกเก็บเงินกับรถแท็กซี่

  และวันที่ 21 ก.ย. 2560 สำนักงานไต่สวนการทุจริตภาคการเมือง 1 สำนักงาน ป.ป.ช.ได้มีหนังสือเชิญ นายสุทัศน์ สุวรรณผ่องใส ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์การเงินและบัญชี ไปให้ถ้อยคำ กรณีที่สนามบินดอนเมืองได้ให้บริษัท พลังร่วม จำกัด เช่าพื้นที่ดำเนินการแล้วเรียกเก็บเงินจากผู้ขับขี่รถแท็กซี่เป็นค่าสมาชิก 550 บาทต่อปี และค่าวิ่งเที่ยวละ 10 บาท ว่าสามารถทำได้หรือไม่ เป็นไปตามสัญญา ระเบียบหรือกฎหมายใด, ทางสนามบินดอนเมืองได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากบริษัทหรือไม่  และได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือไม่ อย่างไร

  รายงานข่าวแจ้งว่า การเรียกเก็บค่าสมาชิก ค่าแรกเข้า ค่าเที่ยววิ่ง จากแท็กซี่เป็นการกระทำนอกเหนือสัญญา และทำให้แท็กซี่ไม่เข้าไปจอดรถในจุดที่จัดไว้ เป็นสาเหตุให้รถแท็กซี่มีไม่เพียงพอ ผู้โดยสารต้องรอรถเป็นเวลานาน โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ที่ผ่านมามีปัญหาอย่างมากเพราะผู้โดยสารต้องเสียเวลารอแท็กซี่นาน ซึ่ง ทอท.ได้ประสานไปยังสถานีวิทยุ จส.100 และ สวพ.91 เพื่อเรียกแท็กซี่ให้เข้ามารับผู้โดยสารแต่ปรากฏว่าแท็กซี่จะต้องเสียค่าเที่ยว 10 บาทก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่มีสิทธิ์เข้าไปต่อคิวรับผู้โดยสาร

  โดยแท็กซี่ที่สามารถรับผู้โดยสารที่สนามบินดอนเมืองได้นั้นจะต้องขึ้นทะเบียนตรวจสอบประวัติเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ทอท. แต่แท็กซี่ถูกเรียกเก็บเงินค่าแรกเข้า ค่าสมาชิก และค่าอื่นๆ อีกหลายร้อยบาท จากพลังร่วมฯ ซึ่งไม่มีสิทธิ์เรียกเก็บ ขณะที่ ทอท.ปล่อยปละละเลย แม้ว่าจะมีแท็กซี่กว่า 6,000 คันขึ้นทะเบียนไว้แต่ มีแท็กซี่ให้บริการจริงเพียง 3,000 คันจึงไม่เพียงพอ

***หน้าคลังสินค้ายังต้องเสียค่าผ่านทาง 2 บาท

นอกจากนี้ บริษัทยังเก็บค่าผ่านทางกรณีที่วิ่งบนถนนภายในสนามบินหน้าคลังสินค้าโดยไม่ได้จอดรถ   ทั้งที่เป็นถนนของ ทอท.ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ในสัญญา ซึ่งเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2560 ผู้สื่อข่าว นสพ.ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ได้ลงพื้นที่ และทดลองขับรถไปตามถนนภายในสนามบินดอนเมือง ผ่านหน้าอาคารผู้โดยสารภายในประเทศหลังเก่ามุ่งหน้าอาคารคลังสินค้า พบกับตู้แจกบัตรจอดรถ และก่อนออกถนนวิภาวดีรังสิตจะมีตู้รับคืนบัตรจอดรถ ซึ่งถูกเรียกเก็บเงิน 2 บาท เมื่อสอบถามว่าไม่ได้จอดรถเลย แค่วนมาออกประตูนี้ ได้รับการแจ้งว่า  แค่ขับผ่านมาก็เสียแล้ว  ในเวลาต่อมาช่วงเดือนม.ค. 2561 พบว่ามีการเก็บบ้างไม่เก็บบ้าง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ถูก สตง.และ ป.ป.ช.ตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า ในส่วนของผู้บริหาร ทอท.เองได้มีความพยายามจะหาทางแก้ไข เช่น ทำเอ็มโอยู เงื่อนไขเพิ่มเติมให้สิทธิ์บริษัทสามารถเก็บเงินจากแท็กซี่ได้ แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้