ขบ.ลงเข็มเริ่มก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย วงเงินกว่า 1.3 พันล้าน ดันเป็นฮับลอจิสติกส์ภาคเหนือ เชื่อมการขนส่งสินค้าจีน, ลาว ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 ที่มีมูลค่านำเข้า-ส่งออกผ่านด่านปีละ 2 หมื่นล้าน โดยเฟสแรกเปิดปี 63 รับสินค้าได้กว่า 2.7 แสนทีอียู
วันนี้ (18 ม.ค.) เวลา 13.18 น. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในการประกอบพิธีบวงสรวงการก่อสร้างและยกเสาเอกอาคารสำนักงานกลางโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย งบประมาณก่อสร้าง 1,360 ล้านบาท โดยมี หจก.สามประสิทธิ์ เป็นผู้ก่อสร้าง บนพื้นที่ 336 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา ตั้งอยู่บริเวณทางหลวงหมายเลข 1356 ประชิดด่านพรมแดนเชียงของ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ห่างจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 ประมาณ 1 กม.
แผนการให้บริการของศูนย์ฯ เชียงของ แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ในระยะที่ 1 จะเน้นการให้บริการเปลี่ยนหัวลาก-หางพ่วง ระหว่างรถบรรทุกไทยกับรถบรรทุกต่างประเทศ มีการให้บริการอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ปลั๊กเสียบตู้แช่เย็น (Reefer) และอุปกรณ์ยกตู้คอนเทนเนอร์ (Reach Stacker) นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่คลังสินค้าศุลกากร คลังสินค้าทัณฑ์บน และอาคารสำหรับบรรจุสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ (CFS) รองรับให้บริการ ซึ่งจะสามารถรองรับปริมาณสินค้าได้กว่า 270,000 ทีอียู โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการในระยะแรกในปี 2563
สำหรับระยะที่ 2 ศูนย์ฯ เชียงของจะรองรับการเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสู่ระบบราง พร้อมพัฒนาพื้นที่ Container Yard สำหรับการวางตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2566 สอดคล้องกับแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
ปัจจุบันผลการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการศูนย์ฯ เชียงของ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มกระบวนการคัดเลือกเอกชนตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 ตามผลการศึกษาฯ การให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ในโครงการศูนย์ฯ เชียงของ จะให้ภาคเอกชนลงทุนในส่วนของการจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ยกขน ระบบบริหารจัดการด้านการขนส่งสินค้าและลอจิสติกส์ (TMS) รวมถึงการบริหารจัดการ และการบำรุงรักษา (O&M) ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนในส่วนของภาคเอกชน ประมาณ 820 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาสัมปทาน 15 ปี จากการสำรวจความสนใจของนักลงทุนภาคเอกชน (Market Sounding) พบว่ามีผู้ประกอบการสายเรือ รวมถึงภาคเอกชนผู้ให้บริการขนส่งและลอจิสติกส์อื่นๆ ที่มีบริการคล้ายคลึงกับศูนย์ฯ เชียงของ แสดงความสนใจร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามนโยบายจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบกจึงได้ดำเนินการพัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าชายแดน เชื่อมไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)-สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 และถนนสาย R3A ยกระดับมาตรฐานการขนส่งสินค้า รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจอาเซียน การเติบโตของสาธารณรัฐประชาชนจีนฝั่งตะวันตกซึ่งไม่มีทางออกสู่ทะเล (Landlocked) รวมถึงรองรับการเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าจากถนนสู่ระบบราง ตามแผนการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งจะทำให้อำเภอเชียงของกลายเป็นเมืองหลักด้านลอจิสติกส์ Logistic Hub เป็นอีกหัวใจสำคัญในการแปลงโฉมจังหวัดเชียงรายให้เป็นลอจิสติกส์ซิตี้ของภูมิภาค พัฒนาให้เป็นประตูการค้าในแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor)
ทั้งนี้ ศูนย์ฯ เชียงของจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยจะเป็นที่ทำการของหน่วยงาน CIQ คือ Custom (พิธีการศุลกากร) Immigration (การตรวจคนเข้าเมือง) และ Quarantine (การตรวจและกักกันพืชและสัตว์) ทำให้ผู้ประกอบการที่ขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนไปมาสามารถเข้าไปใช้บริการที่ศูนย์ฯ เชียงของเพียงแห่งเดียว เป็นจุดบริการแบบ One Stop Service รวมถึงรองรับการพัฒนาเป็นพื้นที่ควบคุมร่วมกัน (CCA) ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยและ สปป.ลาวสามารถตรวจปล่อยสินค้าร่วมกันได้ ณ จุดเดียว ช่วยลดขั้นตอนในการทำงาน และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในอนาคตอีกด้วย
ขณะที่เส้นทางสาย R3A นับเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion หรือ GMS) ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเริ่มต้นที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 เข้าสู่บ้านห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ฝั่ง สปป.ลาว ผ่านแขวงหลวงน้ำทา ก่อนจะเข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนที่ชายแดนบ่อเต็น-บ่อหาน และตรงสู่เมืองเชียงรุ้ง และคุนหมิง รวมระยะทางประมาณ 1,100 กิโลเมตร
ปัจจุบันมีทั้งสินค้าจำพวกผักและผลไม้สด สินค้าอุปโภค-บริโภค เครื่องจักร และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมูลค่าการค้าผ่านด่านเชียงของมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีมูลค่าการนำเข้า-ส่งออกผ่านด่านปีละกว่า 20,000 ล้านบาท
โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย จะสามารถช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและลอจิสติกส์ ส่งผลให้จังหวัดชายแดนกลายเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อ (Hub) การขนส่งสินค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ อีกทั้งช่วยอำนวยประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบลอจิสติกส์เชิงบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพของประเทศในระยะยาวอย่างยั่งยืน