กรมการขนส่งฯ ลงโทษหนักรถบรรทุกทำตู้คอนเทนเนอร์หล่นทับรถยนต์หลังตรวจสอบพบอุปกรณ์ล็อกตู้ชำรุด สั่งปรับผู้ประกอบการขนส่งทันที 100,000 บาท ถอนรถออกจากประกอบการ ปรับคนขับสูงสุด 5,000 บาท พร้อมพักใช้ใบขับขี่ ด้าน “อาคม” เร่ง ขบ.ออกกฎบังคับรถพ่วงติดเซ็นเซอร์
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงเหตุตู้คอนเทนเนอร์ล้มทับรถยนต์เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่บริเวณสะพานลอยข้ามถนนกาญจนาภิเษก จ.นนทบุรี ว่า ปัญหารถหัวลากตู้ไม่ล็อกตัวพ่วง ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่งฯ และกฎกระทรวง แต่ยังมีการฝ่าฝืน เนื่องจากเจ้าของหัวลากไม่ต้องการให้หัวลากได้รับความเสียหายเมื่อเกิดอุบัติเหตุกับตัวพ่วง ซึ่งขณะนี้กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้มีการพิจารณาเพื่อออกบังคับเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าภายในเดือน ม.ค. 2561 จะออกประกาศกรมการขนส่งทางบก บังคับให้ตรวจสอบการล็อกพ่วงกับตัวหัวลากตั้งแต่อยู่ภายในเขตท่าเรือ ซึ่งจะเป็นการให้อำนาจการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ดำเนินการได้อย่างเต็มที่ และบังคับให้ผู้ประกอบการเจ้าของรถติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ ซึ่งเทคโนโลยีที่สามารถส่งสัญญาณให้ตรวจสอบได้ทันทีกรณีที่พ่วงคอนเทนเนอร์แล้วไม่มีการล็อกติดกับหัวลาก
ทั้งนี้ เรื่องของความปลอดภัย มีหลายมาตรการ ซึ่งผู้ประกอบการ คนขับ และผู้เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ประกอบการ เจ้าของ รวมถึงบริษัทประกันภัย จะต้องร่วมกันรับผิดชอบ
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า กรณีอุบัติเหตุรถบรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 78-1005 กรุงเทพมหานคร รถกึ่งพ่วงคันหมายเลขทะเบียน 77-9097 กรุงเทพมหานคร ของผู้ประกอบการขนส่งบริษัท ดำรงศักดิ์ขนส่ง จำกัด ทำตู้คอนเทนเนอร์หล่นทับรถยนต์ส่วนบุคคล โดยพบว่าอุปกรณ์ล็อกตู้คอนเทนเนอร์ (twist-lock) ชำรุด เหตุเกิดบริเวณถนนนครอินทร์ ช่วงต่างระดับบางคูเวียงช่วงทางลงถนนกาญจนาภิเษก ส่งผลให้รถยนต์ส่วนบุคคลได้รับความเสียหายทั้งคัน โดยมีนายวิเศษ นครชัย เป็นพนักงานขับรถ ได้รับใบอนุญาตขับรถทุกประเภทชนิดที่ 3 เลขที่ 411/2555 นั้น
กรมการขนส่งทางบกได้เรียกผู้ประกอบการขนส่งเข้ารับทราบข้อหาความผิด และสั่งถอนรถทั้งสองคันแล้ว คือ รถบรรทุกและรถกึ่งพ่วง ออกจากใบอนุญาตประกอบการขนส่งทันที พร้อมเปรียบเทียบปรับผู้ประกอบการขนส่งเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) เนื่องจากเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71 ประกอบมาตรา 148 ซึ่งกำหนดให้รถที่ใช้ในการขนส่งต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรง มีเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบถูกต้องตามที่กำหนด โทษปรับ 50,000 บาท และความผิดตามมาตรา 36 ประกอบมาตรา 131 และกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. 2558 ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งต้องควบคุม กำกับ ดูแลให้ผู้ขับรถใช้เครื่องอุปกรณ์และส่วนควบของรถตามที่กฎหมายกำหนด โทษปรับ 50,000 บาท
นอกจากนี้ ให้ผู้ประกอบการนำรถในประกอบการทั้งหมดเข้าตรวจสภาพกับกรมการขนส่งทางบกเพิ่มเติมโดยด่วน ในส่วนของพนักงานขับรถ สั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถ และเปรียบเทียบในอัตราสูงสุด 5,000 บาท เนื่องจากมีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 102 (4) ประกอบมาตรา 127 ไม่ใช้เครื่องอุปกรณ์และส่วนควบของรถตามที่กฎหมายกำหนด โดยผู้ประกอบการขนส่งต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด
กรมการขนส่งทางบกกำชับให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่งเข้มงวดตรวจสอบรถบรรทุกขนส่งสินค้าต้องล็อกตู้คอนเทนเนอร์ทุกครั้ง และอุปกรณ์ล็อกสามารถยึดตู้คอนเทนเนอร์ได้มั่นคงปลอดภัยตลอดการเดินทาง โดยกรมการขนส่งทางบกอยู่ในระหว่างการปรับปรุงประกาศเกี่ยวกับรูปแบบของอุปกรณ์ล็อกตู้คอนเทนเนอร์ (Twist-Lock) ให้มีระบบ Alert/Alarm แจ้งเตือนหากผู้ขับรถไม่ใช้อุปกรณ์ล็อก หรือไม่มั่นคงเพียงพอ รวมทั้งจะกำหนดเครื่องหมายสัญลักษณ์ให้ประชาชนทราบว่ามีการล็อกตู้คอนเทนเนอร์หรือไม่
สำหรับในช่วงเข้มข้น 7 วันการเดินทางเทศกาลปีใหม่ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการกำกับดูแลให้พนักงานขับรถของตนปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยในการขนส่งอย่างเคร่งครัด ติดตามและควบคุมพฤติกรรมการขับรถด้วยระบบ GPS Tracking ตลอดการเดินทาง โดยกรมการขนส่งทางบกบูรณาการร่วมกับตำรวจทางหลวงในการติดตามควบคุมพฤติกรรมการขับรถ ผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ทั่วประเทศ Online แบบ Real-time กรณีรถบรรทุกใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด พบพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุ ศูนย์ฯ GPS ส่วนกลางและจังหวัดประสานผู้ประกอบการและตำรวจทางหลวงเพื่อสกัดและเตือนให้ลดความเร็วหรือพฤติกรรมเสี่ยง ควบคู่กับการตรวจสอบความเร็วของรถโดยสารและรถบรรทุกด้วยกล้องเลเซอร์ อย่างไรก็ตาม ได้ขอความร่วมมือสหพันธ์ สมาคม ชมรม และผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก หลีกเลี่ยงการขนส่งสินค้าและวัตถุอันตราย ในช่วงระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2560-3 มกราคม 2561 ยกเว้นมีความจำเป็นขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ห้ามจอดพักรถบริเวณไหล่ทางเด็ดขาด