“พาณิชย์” แจ้งข่าวดี สหรัฐฯ ประกาศประเทศไทยไม่มีตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแม้แต่แห่งเดียว ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เผยเป็นผลสำเร็จจากการปราบปรามอย่างเข้มงวด และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง มั่นใจการปลดไทยออกจากบัญชี PWL และการประกาศไม่มีตลาดละเมิดจะช่วยดึงดูดการค้าการลงทุนมาไทยเพิ่มขึ้น
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2561 สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้เผยแพร่รายงานทบทวนรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงทั่วโลก ประจำปี 2560 ทั้งตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิดและตลาดออนไลน์ โดยในปีนี้ไม่มีชื่อย่านการค้า ศูนย์การค้าในไทย เป็นตลาดที่มีการละเมิดสูง (Notorious Markets) แม้แต่แห่งเดียว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี หรือตั้งแต่ปี 2550 ที่ไทยถูกสหรัฐฯ จัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษด้านทรัพย์สินทางปัญญา (PWL) ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ
ในปี 2559 ตลาด Notorious Markets ของไทยเหลือเพียงแห่งเดียว คือ ศูนย์การค้ามาบุญครอง (MBK) จากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2550-2559) ไทยมี Notorious Markets มากถึง 13 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า, คลองถม, สะพานเหล็ก, บ้านหม้อ, ตลาดนัดจตุจักร, MBK, ตลาดนัดถนนวิทยุ, ถนนสุขุมวิท ซอย 3-19, พัฒน์พงษ์, หาดกะรน และหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต, ศูนย์การค้าไอทีซิตี้ พัทยา และตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว แต่ปี 2560 ไทยไม่มีตลาดขายสินค้าละเมิดหลงเหลืออีกแล้ว เป็นผลจากรัฐบาลได้ปราบปรามการละเมิดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยถูกระบุว่าเป็น Notorious Markets มีการจับกุมกว่า 700 คดี ยึดของกลางเกือบ 150,000 ชิ้น ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย. 2560
สำหรับตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิดสูงในโลก ได้แก่ ตลาด Silk Market และ Hongqiao Market ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน รวมถึงแหล่งขายอื่น เช่น อาร์เจนตินา แคนาดา อินเดีย อินโดนีเซีย อิตาลี เม็กซิโก สเปน เป็นต้น ส่วนเว็บไซต์ที่ขายสินค้าละเมิดสูง เช่น เว็บไซต์ 1FICHIER.COM, 4SHARED.COM, DHGATE.COM, INDIAMART.COM เป็นต้น
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า การปรับสถานะของไทยออกจากบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2560 และไม่มีชื่อตลาดขายสินค้าละเมิดในไทยในรายงาน Notorious Markets ของสหรัฐฯ ถือเป็นสัญญาณที่ยืนยันว่าไทยมีพัฒนาการในการคุ้มครองและบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการค้าการลงทุนที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย
ทั้งนี้ ในรายงานของ USTR ได้ชื่นชมถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินการของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้สั่งการให้ปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจัง จนการละเมิดหมดสิ้นไปในหลายพื้นที่ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2560 รวมถึงบูรณาการการดำเนินการอย่างจริงจัง โดยกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ทหาร 3 เหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) เป็นต้น ได้ประสานงานกับเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจนเห็นผลเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อตรวจตราจับกุมใน 5 ย่านการค้าสำคัญ คือ MBK ตลาดนัดจตุจักร ตลาดโรงเกลือ หาดป่าตอง และหาดกะรน ตลอดจนได้ประสานงานกับเจ้าของพื้นที่เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ค้า และสอดส่องดูแลมิให้มีการขายสินค้าละเมิดในพื้นที่ของตนด้วย