“บิวตี้คลับ” จัดทัพรุกออนไลน์ เพิ่มสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟโหมภูธร

ผู้จัดการรายวัน 360 - “บิวตี้คลับ” ปรับแผนควบเหลือบริษัทเดียว นิวเวย์เสริมอาหารกับบิวตี้ รุกออนไลน์เปิดเว็บไซต์ปลายปีนี้ เผยปีหน้าผุดสาขาไม่ต่ำกว่า 15 แห่ง ด้วยงบ 100 ล้านบาท สิ้นปีเปิดอีก 4 สาขา เน้นตลาดภูธร ซุ่มเพิ่มสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ

นายนภัทร โภคาสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คลับวาไรตี้ จำกัด ผู้บริหารร้านความงามแบรนด์ “บิวตี้ คลับ” ของไทย เปิดเผยว่า ปลายปี 2560 นี้บริษัทฯ จะรุกตลาดช่องทางใหม่อี-คอมเมิร์ซ และรุกตลาดอย่างจริงจังปีหน้า (2561) เพื่อรองรับแนวโน้มตลาดอี-คอมเมิร์ซที่เติบโต

ทั้งนี้ กลางปีนี้ได้ปรับโครงสร้างองค์กร และการวางระบบต่างๆ เพื่อที่จะรุกตลาดหนักในปลายปีนี้และปีหน้า คือ ได้รวม 2 บริษัทในเครือเป็นบริษัท โภคาสเวิลด์ จำกัด จากเดิมที่มี 2 บริษัท คือ บริษัท โภคาสเวิลด์ จำกัด จำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ “นิวเวย์” ของบริษัทเอง กับ บริษัท บิวตี้ คลับ จำกัด ทำธุรกิจค้าปลีกร้านบิวตี้คลับ จากนี้ไปจะดำเนินธุรกิจทั้งในส่วนของนิวเวย์และร้านบิวตี้คลับในนามของบริษัท โภคาสเวิลด์ จำกัด เท่านั้น

รวมทั้งที่ผ่านมาได้พัฒนาเว็บไซต์ คลับชอปปิ้ง ดอทคอม เพื่อก้าวเข้าสู่ตลาดช่องทางออนไลน์อย่างเต็มตัว และเปิดตัวแอปพลิเคชันด้วย ในเบื้องต้นนี้ในช่องทางเว็บไซต์จะจำหน่ายสินค้าของซัปพลายเออร์กว่า 7,000 รายการ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในช่วงแรกมีสัดส่วนยอดขายจากออนไลน์ 15-20%

ปัจุบันบริษัทฯ มีสินค้ากว่า 7,000 เอสเคยู ที่จำหน่ายในร้านบิวตี้คลับในกลุ่มของเมกอัพ ความงาม สกินแคร์ เป็นหลัก ซึ่งในจำนวนนั้นมีสินค้าที่จำหน่ายเฉพาะในร้านบิวตี้คลับแห่งเดียวเท่านั้นหรือสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟหรือโอนลี่บิวตี้คลับประมาณ 500 เอสเคยู และมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณเอสเคยูของสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟอีก

ล่าสุดบริษัทฯ ได้เป็นผู้แทนจำหน่ายรายเดียวในไทยให้กับผลิตภัณฑ์แบรนด์แอล เอ สแปลช (LA SPLASH) เป็นเมกอัพแบรนด์ดังจากอเมริกา ด้วยสัญญาแบบเอ็กซ์คลูซีฟนาน 3 ปี เริ่มเดือนตุลาคม 2560 นี้ มีสินค้ากว่า 300 รายการ ระดับราคา 300-500 บาท

อีกทั้งระหว่างเจรจากับสินค้าความงามอีก 4 แบรนด์เพื่อจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อให้มีสินค้าโอนลีบิวตี้คลับแบบเอ็กซ์คลูซีฟประมาณ 2,000 เอสเคยู จากเดิมมีนิวเวย์ของบริษัทฯ เป็นตัวหลัก และมีอีกหลายแบรนด์แต่ยังไม่ได้เป็นตัวหลักในกลุ่มโอนลีบิวตี้คลับนี้

ส่วนแผนปีหน้า (2561) จะใช้งบลงทุนขยายสาขาประมาณ 80-100 ล้านบาท ลงทุนเฉลี่ย 3-5 ล้านบาทขนาดเล็ก และประมาณ 8-10 ล้านบาทขนาดใหญ่ วางเป้าหมาย 14-15 สาขา เน้นเปิดในต่างจังหวัดในเซ็นทรัลกับโรบินสันเป็นหลัก ตั้งเป้าหมายสิ้นปีหน้าจะมีรวมประมาณ 40 สาขา จากขณะนี้มี 22 สาขา และถึงสิ้นปี 2560 จะมี 26 สาขา

“ตลาดในต่างจังหวัดตอนนี้มีโอกาสในการเติบโตมาก เพราะเราไปกับกลุ่มเซ็นทรัล โรบินสัน ซึ่งเป็นห้างเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่รวมทุกอย่างไว้ที่เดียวกัน ทำให้ผู้บริโภคมาที่เดียวได้ครบทุกอย่าง ซึ่งร้านที่เป็นโลคัลตามพื้นที่ทั่วไปก็ต้องปรับตัวตามให้ทัน ซึ่งมีหลายแห่งที่ร้านขนาดกลางและเล็กๆ ต้องปิดกิจการไปมากเหมือนกัน ขณะที่กำลังซื้อสินค้าความงามของคนต่างจังหวัดก็ไม่แพ้คนในกรุงเทพฯ ทำให้ตลาดยังมีความต้องการอยู่ และเราก็เป็นเชนที่มีสินค้ามากมายครอบคลุมความต้องการของลูกค้าได้อย่างดี จึงจะขยายตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น แต่ยอมรับว่าตอนนี้กำลังซื้อต่อบิลโดยรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 500-600 บาทต่อครั้งต่อคน จากเดิมที่มีประมาณ 700-800 บาทต่อคนต่อครั้ง เพราะสภาพเศรษฐกิจยังไม่ดีเท่าที่ควร” นายนภัทรกล่าว

ส่วนปี 2560 นี้บริษัทฯ ได้ลงทุนกว่า 100 ล้านบาทเปิดใหม่ 6 สาขา ซึ่งต้นปีเปิด 2 สาขาที่โรบินสันเพชรบุรี และฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และสิ้นปีเปิดอีก คือ เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา วันที่ 3 พ.ย. เป็นสาขาใหญ่ที่สุดกว่า 200 ตารางเมตร ลงทุนกว่า 10 ล้านบาท, วันที่ 1 ธ.ค. เปิดสาขาที่โรบินสัน ลพบุรี และวันที่ 15 ธ.ค. เปิดสาขาที่เซ็นทรัลพลาซา พระรามสอง และโรบินสัน สระบุรี

นอกจากนั้นยังใช้งบประมาณอีกกว่า 50 ล้านบาทลงทุนด้านออฟฟิศและคลังสินค้าใหม่ ที่รังสิตคลอง 2 พื้นที่รวม 2 ไร่กว่า เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต โดยปีหน้าตั้งเป้ารายได้รวมโต 30% เพราะการขยายธุรกิจต่างๆ เช่น การเพิ่มจำนวนสาขา การเพิ่มช่องทางออนไลน์ การเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เป็นต้น ขณะที่ปีนี้คาดว่ารายได้รวมจะโต 8-10%”