กรมเชื้อเพลิงฯ เผยไทยจะผลิตน้ำมันจากแหล่งวิเชียรบุรีเพิ่มเกือบอีกเท่าตัว พร้อมเดินหน้าเปิดประมูลแหล่งเอราวัณและบงกชเดือน ธ.ค.นี้ในระบบ PSC และเตรียมเสนอ ครม.ให้ ปตท.เป็นผู้ซื้อก๊าซฯ หลัก ปรับสูตรราคาอิงแอลเอ็นจีนำเข้าแทน
นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า แหล่งวิเชียรบุรีปัจจุบันมีกำลังผลิตน้ำมันประมาณ 1,000 บาร์เรลต่อวัน และเตรียมที่จะเพิ่มกำลังผลิตอีก 600 บาร์เรลต่อวันในเร็วๆ นี้ หลังสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมอนุมัติให้ผลิตในฐานผลิตใหม่ ซึ่งถือเป็นข่าวดีที่จะช่วยทดแทนการนำเข้าน้ำมันและสร้างรายได้แก่รัฐจากภาษีและค่าภาคหลวง จากปีที่แล้วจัดเก็บจากแหล่งวิเชียรบุรีที่ผลิตโดยกลุ่มอีโคโอเรียนท์จากฮ่องกงประมาณ 89 ล้านบาท
“กรมฯ ได้ร่วมกับ บมจ.สแกนอินเตอร์ และแหล่งปิโตรเลียม วิเชียรบุรี พัฒนาโครงการติดตั้งเครื่องผลิต-อัดก๊าซธรรมชาติที่เผาทิ้งเพื่อเป็นเชื้อเพลิงรถยนต์แบบเคลื่อนย้ายได้ หรือ CNG Mobile โดยนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตขวดแก้วในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งโครงการเช่นนี้จะช่วยให้เกิดประโยชน์นำก๊าซในแหล่งน้ำมันที่เดิมต้องเผาทิ้งเพื่อความปลอดภัยมาใช้ประโยชน์สร้างมูลค่าเพิ่มลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการที่เป็นแบบ CNG Mobile ก็สามารถเคลื่อนย้ายไปใช้กับแหล่งปิโตรเลียมอื่นๆ หากแหล่งนั้นๆ หมดลง เพราะแหล่งของไทยเป็นกระเปาะปิโตรเลียมเล็กๆ” นายวีระศักดิ์กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการเปิดประมูลแหล่งก๊าซเอราวัณและบงกชที่จะหมดอายุสัมปทานในปี 2565-66 นั้นคาดว่าจะมีการนำเสนอร่างเงื่อนไขและหลักเกณฑ์หรือ TOR เสนอ ครม.ได้ภายใน พ.ย.นี้ จากนั้นจะนำไปสู่กระบวนการเปิดให้เอกชนยื่นประมูลในเดือน ธ.ค. 60 และสามารถคัดเลือกผู้ชนะประมูลได้ในเดือน ก.ค. 61 โดย TOR จะกำหนดรูปแบบประมูลแบบระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) ซึ่งมั่นใจว่าจะมีผู้ยื่นเข้าประมูลจำนวนมาก ไม่น้อยกว่า 10 ราย
“ขณะนี้เราได้เจรจากับ บมจ.ปตท.แล้วที่จะให้เป็นผู้รับซื้อก๊าซฯ จากทั้งสองแหล่งซึ่งจะต้องขอ ครม.อนุมัติพร้อมกับ TOR โดยสูตรราคาจะปรับจากราคาน้ำมันเตาเป็น LNG นำเข้า และกำหนดเพดานการประมูลสูงสุด แต่วางกรอบให้ได้ราคาต่ำเพื่อไม่ให้กระทบกับค่าไฟ” นายวีระศักดิ์กล่าว