“สนธิรัตน์” ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมร้านค้าธงฟ้าประชารัฐในกรุงเทพฯ คาด 17 ต.ค.นี้มี 300 ร้านพร้อมเปิดให้บริการรูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จากเป้า 800 ร้าน เผยประชาชนไม่ต้องรีบใช้เงินในบัตรให้หมด สามารถใช้ได้ตลอดทั้งเดือน ระบุเงินเดือน ต.ค.รัฐบาลทบให้ถึงเดือน พ.ย. เหตุติดตั้งเครื่องรูดบัตรไม่ทัน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจความพร้อมร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่ร้านพิพัฒน์สโตร์ เขตดินแดง และร้าน เค แอนด์ ที มิตรแท้ชุมชน เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ว่า ร้านดังกล่าวได้ติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีความพร้อมรองรับการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่จะเริ่มต้นการใช้ในวันที่ 17 ต.ค. 2560 นี้ โดยในเขตดินแดงมีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 1.27 หมื่นราย มากที่สุดในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีจำนวนผู้มีสิทธิ์ทั้งสิ้น 5.52 แสนราย
สำหรับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐในพื้นที่กรุงเทพฯ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้คัดเลือกร้านค้าเข้าร่วมโครงการกว่า 1,000 ร้านค้า คาดว่าภายในวันที่ 17 ต.ค. จะมีร้านค้าพร้อมให้บริการรูดบัตรได้จำนวน 300 ร้าน จากเป้าหมาย 800 ร้าน แต่ก็ครอบคลุม 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ
ทั้งนี้ ยังได้แจ้งให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนที่นำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาซื้อสินค้าว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินในบัตรให้หมดทันที สามารถใช้วันไหนก็ได้ตลอดทั้งเดือน และที่สำคัญเงินในบัตรเดือน ต.ค. รัฐบาลได้ทบให้ไปใช้เดือน พ.ย.ได้ด้วย ไม่ตัดทันทีเมื่อสิ้นเดือน เพราะเข้าใจว่ายังมีการติดตั้งเครื่องรูดบัตรได้ไม่ครอบคลุม
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า กรณีมีการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐผิดวัตถุประสงค์ กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปตรวจสอบอย่างเข้มงวด ซึ่งจากการตรวจสอบพบร้านค้าที่ใช้บัตรไม่ตรงวัตถุประสงค์เพียง 2-3 แห่งจากทั่วประเทศ และจะดำเนินการปลดออกจากโครงการภายในสัปดาห์นี้ เพราะนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด และป้องกันปัญหาการใช้บัตรผิดวัตถุประสงค์
“กระทรวงฯ ยืนยันว่าโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐเป็นกลไกที่ช่วยลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง แม้ประชาชนจะได้เงินไม่มาก แต่ถือเป็นการช่วยเหลือจากรัฐบาล ส่วนผู้ที่ไม่มีบัตรก็ได้รับการช่วยเหลือด้านค่าครองชีพด้วย เพราะสามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้าราคาถูกจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ตลอดเวลา โดยสินค้าที่จำหน่ายในร้านค้าบางชนิดราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป 15-20% และยังจะส่งผลดีในการช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับร้านค้าปลีกรายย่อย ร้านค้าชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็งตามไปด้วย” นายสนธิรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่มีการเปิดใช้บริการวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนผู้ใช้บัตรเฉลี่ยวันละ 3 แสนคน มูลค่าการใช้จ่ายวันละประมาณ 100 ล้านบาท