น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ที่ประชุมแนวทางการช่วยเหลือโครงการลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 60 ซึ่งมีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้ข้อสรุปแนวทางการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนแล้ว และอยู่ระหว่างการเสนอให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ
สำหรับรายละเอียดการช่วยเหลือแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะเเรกเป็นการนำความช่วยเหลือเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่มีการทำแบบกระจัดกระจายหลายหน่วยงานซึ่งใช้งบประมาณ 30,000 ล้านบาท มาจัดรูปแบบความช่วยเหลือใหม่เพื่อให้ช่วยถึงผู้มีรายได้น้อยตัวจริง ไม่ช่วยเหลือแบบเหมารวมเหมือนที่ผ่านมา ประกอบด้วย สวัสดิการเกี่ยวกับการเดินทาง เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้า ที่เป็นงบเดิมของกระทรวงคมนาคม ค่าน้ำ ค่าไฟฟรีของกระทรวงมหาดไทย ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มของกระทรวงพลังงาน รวมถึงการนำงบจากกระทรวงพาณิชย์มาเติมเงินให้ประชาชนได้ซื้อสินค้าจำเป็นราคาถูกจากร้านธงฟ้าประชารัฐที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ 15,000 แห่ง โดยยืนยันว่า งบส่วนนี้ไม่ต่างจากเดิม แต่เปลี่ยนวิธีการคิดช่วยเหลือ เช่น เดิมกระทรวงพาณิชย์นำงบส่วนนี้ไปอุดหนุนผู้ผลิตสินค้าและขายราคาถูก ก็เปลี่ยนเป็นการนำงบมาอุดหนุนผู้บริโภคแทน
ส่วนระยะที่สอง เป็นโครงการเพิ่มเติมที่จะเริ่มใช้ปีนี้ โดยนำงบจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก 5 หมื่นล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีเพิ่งอนุมัติจัดตั้งขึ้นมาใช้ เช่น การช่วยเหลือเรื่องส่วนลดค่าโดยสารรถ บขส. ของคนต่างจังหวัด ส่วนลดค่ารถไฟฟ้า รวมถึงการอุดหนุนค่าเช่าบ้าน หอพักเป็นบางส่วนแก่ผู้มีรายน้อยที่มีภาระค่าเช่าบ้าน เพราะบางส่วนต้องทำงานต่างพื้นที่ แต่มีเงื่อนไขเจ้าของผู้ให้เช่าต้องจดทะเบียนนิติบุคคล และเสียภาษีอย่างถูกต้อง ตลอดจนต้องติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเลคทรอนิกส์ หรือ อีดีซี จากรัฐ เพื่อรองรับการจ่ายเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะเดียวกัน เงินส่วนนี้จะถูกนำไปพัฒนาอาชีพ นอกจากนี้ จะใช้งบประมาณช่วยในการศึกษา การสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ว่างงาน และนักศึกษาที่ต้องการรายได้เสริม แต่ในส่วนของประกันอุบัติเหตุจะไม่มีการจัดทำให้
สำหรับรายละเอียดการช่วยเหลือแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะเเรกเป็นการนำความช่วยเหลือเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่มีการทำแบบกระจัดกระจายหลายหน่วยงานซึ่งใช้งบประมาณ 30,000 ล้านบาท มาจัดรูปแบบความช่วยเหลือใหม่เพื่อให้ช่วยถึงผู้มีรายได้น้อยตัวจริง ไม่ช่วยเหลือแบบเหมารวมเหมือนที่ผ่านมา ประกอบด้วย สวัสดิการเกี่ยวกับการเดินทาง เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้า ที่เป็นงบเดิมของกระทรวงคมนาคม ค่าน้ำ ค่าไฟฟรีของกระทรวงมหาดไทย ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มของกระทรวงพลังงาน รวมถึงการนำงบจากกระทรวงพาณิชย์มาเติมเงินให้ประชาชนได้ซื้อสินค้าจำเป็นราคาถูกจากร้านธงฟ้าประชารัฐที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ 15,000 แห่ง โดยยืนยันว่า งบส่วนนี้ไม่ต่างจากเดิม แต่เปลี่ยนวิธีการคิดช่วยเหลือ เช่น เดิมกระทรวงพาณิชย์นำงบส่วนนี้ไปอุดหนุนผู้ผลิตสินค้าและขายราคาถูก ก็เปลี่ยนเป็นการนำงบมาอุดหนุนผู้บริโภคแทน
ส่วนระยะที่สอง เป็นโครงการเพิ่มเติมที่จะเริ่มใช้ปีนี้ โดยนำงบจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก 5 หมื่นล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีเพิ่งอนุมัติจัดตั้งขึ้นมาใช้ เช่น การช่วยเหลือเรื่องส่วนลดค่าโดยสารรถ บขส. ของคนต่างจังหวัด ส่วนลดค่ารถไฟฟ้า รวมถึงการอุดหนุนค่าเช่าบ้าน หอพักเป็นบางส่วนแก่ผู้มีรายน้อยที่มีภาระค่าเช่าบ้าน เพราะบางส่วนต้องทำงานต่างพื้นที่ แต่มีเงื่อนไขเจ้าของผู้ให้เช่าต้องจดทะเบียนนิติบุคคล และเสียภาษีอย่างถูกต้อง ตลอดจนต้องติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเลคทรอนิกส์ หรือ อีดีซี จากรัฐ เพื่อรองรับการจ่ายเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะเดียวกัน เงินส่วนนี้จะถูกนำไปพัฒนาอาชีพ นอกจากนี้ จะใช้งบประมาณช่วยในการศึกษา การสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ว่างงาน และนักศึกษาที่ต้องการรายได้เสริม แต่ในส่วนของประกันอุบัติเหตุจะไม่มีการจัดทำให้