คลังเร่งกระจายบัตรสวัสดิการรัฐถึงมือคนจนเพื่อให้มีผลทันใช้ทัน ต.ค.ปี 2560 พร้อมปรับรูปแบบสวัสดิการให้ตรงประชาชนที่ได้รับสิทธิ โดยสวัสดิการหากใช้ไม่หมด จะถูกตัดวงเงินทันที ไม่สามารถสมทบ หรือโดนไปใช้กับสวัสดิการประเภทอื่นได้ คาดประชาชนที่เข้าเกณฑ์ได้รับสิทธิประมาณ 12 ล้านคน จากที่เข้าลงทะเบียนไว้ 14 ล้านคน
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าของการลงทะเบียนคนจนว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมข้อมูลทั้งจำนวน และรายละเอียดต่างๆ โดยมีประชาชนที่ลงทะเบียนขอรับสวัสดิการ จำนวน 14 ล้านคน ขั้นตอนต่อไป คลังจะส่งข้อมูลรายชื่อต่างๆ ให้กับกระทรวงมหาดไทย เพื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกครี้งหนึ่ง ซึ่งจะรวมถึงข้อมูลการตรวจสอบการถือครองทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวไม่มีความยุงยาก และซับซ้อนมากนักเท่ากับการส่งข้อมูลให้กับธนาคารพาณิชย์ตรวจสอบฐานะทางการเงิน ที่เป็นรูปเงินฝาก และการลงทุนในตราสารต่างๆ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจำนวนประชาชนที่เข้ามาลงทะเบียน 14 ล้านคน จะเหลือประชาชนที่ผ่านเกณฑ์คัดกรองแล้วประมาณ 12 ล้านคน ทั้งนี้ ทางกระทรวงคลัง จะไม่รอผลการตรวจตอบทั้ง 3 หน่วยงาน เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการดูรายละเอียดขั้นตอนมาก ดังนั้น คลังจะดำเนินการต่างๆพร้อมกันไป การออกบัตรเพื่อใช้สวัสดิการของรัฐนั้น ภายในบัตรดังกล่าวจะมีชิปการ์ด เพื่อใส่ข้อมูลทั้งหมด เพื่อสะดวกต่อการตรวจสอบข้อมูลในระยะยาว ซึ่งภายในชิปการ์ด จะแบ่งเป็นข้อมูลขอรับรับสวัสดิการของรัฐคร่าวๆ 20 ช่อง เพื่อรองรับการให้สวัสดิการเพิ่มเติมในระยะยาว
ทั้งนี้ ชิปการ์ดในเฟสแรก จะมีช่องสวัสดิการของรัฐอยู่แล้วประมาณ 10 ช่อง เช่น ค่าน้ำประปาฟรี ค่าไฟฟ้าฟรี รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี คาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้ จะจัดส่งบัตรรับสวัสดิการถึงมือประชาชนเพื่อสามารถใช้สวัสดิการได้ทันในวันที่ 1 ตุลาคม ในช่วงของการใช้บัตรสวัสดิการดังกล่าว รัฐจะมีการระบบการตรวจสอบคุณสมบัติของประชาชนที่มาขอรับสิทธิควบคู่ไปด้วย หากพบว่า ข้อมูลของประชาชนไม่ตรงกับคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์สวัสดิการ รัฐบาลก็ดำเนินการยกเลิกการใช้บัตรทันที
สำหรับสวัสดิการที่รัฐให้ในแต่ละประเภท หากประชาชนใช้ไม่หมดภายในระยะเวลาที่กำหนด คือ 1 ปี รัฐจะตัดเงินสวัสดิการส่วนนั้นทันที โดยไม่มีการสะสม หรือยกยอดไปใช้ในต่อไปได้ ขณะเดียวกัน สวัสดิการแต่ละประเภทก็ไม่สามารถใช้ข้ามกันได้ เพื่อให้ประชาชนมีวินัยการใช้จ่าย ส่วนสวัสดิการที่รัฐให้กับประชาชนในช่วงที่ผ่านมา จะนับเข้ามารวมอยู่ในชิปการ์ดดังกล่าวด้วย เช่น โครงการธงฟ้า รถเมล์รถไฟฟรี ทั้งนี้ จะเป็นการให้สวัสดิการตรงไปยังผู้ลงทะเบียนรับสิทธิโดยตรง ไม่ได้ให้เป็นการทั่วไปทุกๆ คน
ขณะเดียวกัน โครงการธงฟ้า จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมที่รัฐอุดหนุนผู้ประกอบการเพื่อผลิตสินค้าราคาถูกให้กับประชาชน แต่รูปแบบใหม่จะเป็นการให้ส่วนลดสำหรับผู้รับสวัสดิการเท่านั้น เช่น ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคร้านธงฟ้า ราคา 1,000 บาท รัฐจะให้ส่วนลดกับผู้ลงทะเบียนตามสัดส่วนของสินค้า 10-20% โดยจะพยายามเปิดร้านธงฟ้า กระจายทั่วประเทศมากกว่า 15,000 ร้านค้า
โครงการรับสวัสดิการของรัฐในวงเงิน 80,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น เม็ดเงิน 2 ส่วน ส่วนแรกวงเงิน 50,000 ล้านบาท เป็นกองทุนประชารัฐเพื่อสวัสดิการของรัฐ ที่ผ่านการอนุมัติจาก ครม.เรียบร้อยแล้ว ส่วนเม็ดเงินอีก 30,000 ล้านบาท เป็นสวัสดิการ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ที่รัฐให้กับประชาชนอยู่แล้ว