“สนธิรัตน์” ประชุมพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ติดตามการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เผยยอดวันแรกคึกคัก ประชาชนแห่ซื้อข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำปลา น้ำมันพืช และสินค้าอุปโภคบริโภค ระบุคนส่วนใหญ่ไม่รู้วงเงินที่ตัวเองได้ ทำให้เกิดความล่าช้าในการซื้อสินค้า สั่งพาณิชย์จังหวัดทำความเข้าใจ และเข้มงวดการซื้อสินค้าในกลุ่มที่กำหนด
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการติดตามการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2560 ว่า จากการติดตามได้รับรายงานว่าสินค้าที่มีประชาชนเข้ามาซื้อสูงสุด คือ กลุ่มอาหาร เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำปลา และน้ำมันพืช รองลงมาเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและของใช้ในชีวิตประจำวัน โดยพบปัญหาว่าผู้ถือบัตรไม่รู้ว่าตัวเองมีวงเงินในการซื้อสินค้าจำนวนเท่าไร 200 บาท หรือ 300 บาท ทำให้เกิดความล่าช้าในการซื้อสินค้า และคิดว่าบัตรสามารถใช้ได้เพียงวันเดียว ทำให้มีประชาชนเดินทางไปซื้อสินค้ากันในวันที่ 1 ต.ค. 2560 เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ได้กำชับให้พาณิชย์จังหวัดเร่งทำความเข้าใจกับร้านค้าและประชาชนในจังหวัดที่ตัวเองดูแลอยู่ โดยในส่วนของร้านค้าขอให้ช่วยตรวจสอบวงเงินของผู้ใช้ให้ชัดเจนก่อน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการซื้อสินค้า และเข้มงวดการซื้อสินค้าในกลุ่มที่กำหนด ส่วนประชาชน ก็ขอให้ทำความเข้าใจว่าบัตรสามารถใช้ได้ทุกวัน ไม่ต้องรีบ และเมื่อใช้หมดแล้ว เดือนต่อไป ก็จะมีวงเงินเข้ามายังบัตรเพื่อให้ไปซื้อสินค้าอีก
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้จัดส่งรายชื่อร้านค้าธงฟ้าประชารัฐให้กับกรมบัญชีกลางแล้ว 15,489 ร้าน จากจำนวนร้านที่สนใจเข้าร่วมโครงการกว่า 21,000 ร้าน โดยจนถึงขณะนี้ได้ติดตั้งเครื่องรูดบัตรไปแล้วประมาณ 5,000 ร้าน และกำลังอยู่ระหว่างการเร่งติดตั้งอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้เน้นในพื้นที่ห่างไกล และขอให้ครอบคลุมทุกตำบลก่อน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพื้นที่ๆ มีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ แต่ยังไม่ได้ติดตั้งเครื่องรูดบัตร กระทรวงฯ จะเริ่มปล่อยรถธงฟ้าประชารัฐเคลื่อนที่ภายในปลายสัปดาห์นี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรับซื้อสินค้า รวมถึงประชาชนทั่วไป
ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 7 จังหวัดที่จะเริ่มใช้บัตรในวันที่ 17 ต.ค.นี้ กำลังเร่งดำเนินการประสานติดตั้งเครื่องรูดบัตรเพื่อให้ทันในช่วงเปิดใช้ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่มีหน่วยงานพาณิชย์จังหวัด ได้มอบให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นผู้ดูแล ซึ่งเฉพาะกรุงเทพฯ มีจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกว่า 600 ร้าน จากเป้าหมาย 800 ร้านค้า