กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดินหน้ายกระดับร้านโชวห่วย ตั้งเป้าพัฒนาเพิ่มอีกกว่า 5 พันร้าน ในปี 60 เตรียมส่งร้านค้าส่งต้นแบบเข้าไปช่วย ทั้งการบริหารจัดการร้านค้า การจัดเรียงสินค้า และการปรับภาพลักษณ์ร้านค้า เผย ล่าสุด ยังมีโชวห่วยในระบบเศรษฐกิจไทยอีกกว่า 4 แสนราย ที่ยังต้องช่วยเหลือ
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดทำโครงการค้าส่งค้าปลีกไทยสู่ชุมชนปี 2560 โดยจะเดินหน้าพัฒนาร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบ ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาไปแล้ว 114 ร้าน ใน 65 จังหวัด จะขยายเพิ่มอีก 35 ร้าน และครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดให้ได้ภายในปีนี้ เพื่อให้มีสาขาของร้านค้าส่งค้าปลีกทั่วประเทศที่จะเข้ามาดูแลร้านค้าปลีกรายย่อย (โชวห่วย) ในเครือข่าย และช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับร้านค้าปลีกรายย่อยที่จะเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นต่อไป
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน กรมฯ ได้พัฒนาให้มีร้านค้าปลีกรายย่อยในเครือข่ายแล้ว 20,081 ราย และได้ตั้งเป้าในปีนี้ที่จะพัฒนาเพิ่มขึ้นอีก 5,454 ราย โดยจะให้ร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบจำนวน 60 ราย เป็นพี่เลี้ยงเข้าไปช่วยพัฒนาปรับภาพลักษณ์ให้แก่ร้านค้าปลีกรายย่อย ซึ่งจะเน้นการพัฒนาใน 3 ด้าน คือ การบริหารจัดการร้านค้า การจัดเรียงสินค้า และการปรับภาพลักษณ์ร้านค้า เพื่อให้ร้านค้าปลีกรายย่อยมีการพัฒนาและแข่งขันกับร้านค้าปลีกสมัยใหม่ได้
“จากการสำรวจ มีร้านค้าปลีกรายย่อย หรือร้านโชวห่วยในระบบอีกไม่ต่ำกว่า 4 แสนราย มีทั้งเปิดทั้งปิด ซึ่ง กรมฯ ได้ตั้งเป้าที่จะเข้าไปพัฒนาร้านโชวห่วยเหล่านี้ให้ดีขึ้น เพราะร้านเหล่านี้ใกล้ชิดชาวบ้าน และสามารถนำมาใช้เป็นแขนขาของกระทรวงพาณิชย์ในการกระจายสินค้าในโครงการธงฟ้าประชารัฐ หรือช่วยขายสินค้าเกษตรและสินค้าชุมชนได้ แต่ก็ต้องเข้าไปพัฒนาก่อน โดยตั้งเป้าที่จะพัฒนาให้เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 5 พันรายในปีนี้” น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าว
น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าวว่า ประโยชน์จากการใช้กลไกการเชื่อมโยงเครือข่ายการทำธุรกิจระหว่างค้าส่งกับค้าปลีกมาใช้ในการพัฒนาร้านโชวห่วย เพราะกรมฯ เห็นว่า เดิมทีร้านโชวห่วยก็เป็นลูกค้าของร้านค้าส่งอยู่แล้ว จึงได้ผลักดันให้ร้านค้าส่งเข้ามาทำหน้าที่ช่วยพัฒนาร้านโชวห่วย เพราะหากร้านโชวห่วยเข้มแข็ง ร้านค้าส่งก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เป็นการเกื้อกูลกันในการทำธุรกิจ
ขณะที่ร้านโชวห่วย หากมีการพัฒนาปรับภาพลักษณ์ให้ดูดีขึ้น ก็จะดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าจากร้านโชวห่วยมากขึ้น และทำให้มีรายได้มากขึ้น สามารถแข่งขันกับร้านค้าปลีกสมัยใหม่ได้ และยังจะเข้ามาช่วยสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วย
น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการจำหน่ายสินค้าในโครงการ “ธงฟ้าประชารัฐ” ขณะนี้ผู้ผลิตรายใหญ่ ได้มีการจัดส่งสินค้าจำนวน 18 สินค้า รวม 48 รายการ เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก แชมพู บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง เป็นต้น ในราคาถูกกว่าท้องตลาด 15 - 20%ไปยังร้านค้าปลีกในการส่งเสริมของกรมฯ ที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 5,000 ร้านแล้ว ซึ่งผู้บริโภคสามารถที่จะหาซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพได้แล้ว โดย กรมฯ จะผลักดันให้มีจำนวนร้านค้าปลีกที่เข้าร่วมโครงการให้เพิ่มมากขึ้นต่อไป