xs
xsm
sm
md
lg

“เทวินทร์” ลั่น ปตท.ฟื้นเข้าสู่ภาวะปกติ ครึ่งปีแรกนี้โกยกำไรทะลุ 7.7 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) - ภาพจากแฟ้ม
ซีอีโอ ปตท.ยันปีนี้ผลการดำเนินงาน ปตท.เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจากเผชิญปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ครึ่งแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 7.7 หมื่นล้านบาท



นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ ปตท.จะมีผลการดำเนินงานเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันตกต่ำในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จนต้องบันทึกด้อยค่าทรัพย์สิน จะเห็นได้จากผลประกอบการครึ่งแรกปี 2560 ปตท.มีกำไรสุทธิ 77,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48,548 ล้านบาท ส่วนจะเห็นกำไรสุทธิทะลุ 1 แสนล้านบาทในปีนี้หรือไม่ คงไม่สามารถตอบได้

อย่างไรก็ตาม ปตท.ได้มอบหมายให้บริษัทในเครือจัดทำแผนลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ โดยวางเป้าหมายกำไรก่อนต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ (EBIT) ในปีนี้ไว้ที่ 28,700 ล้านบาท ซึ่ง 6 เดือนแรกปี 2560 ทำไปได้แล้ว 13,077 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46% ของเป้าหมาย

ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท.ได้ระดมความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงและกรรมการบริษัทเพื่อกำหนดแนวทางขับเคลื่อนองค์กรให้เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ ภายใต้ความท้าทายต่างๆ ในปัจจุบัน และเป็นกลไกในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในอนาคต

โดย ปตท.กำหนดกรอบการลงทุนสอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาแบบยั่งยืน (SDG) มุ่งเน้นการลงทุนที่ให้สังคมและชุมชนมีส่วนร่วม (Inclusive Business) มากขึ้น โดยเฉพาะทิศทางกลยุทธ์ด้าน Treasure กลุ่ม ปตท.ได้ใช้แนวทาง “PTT 3D” อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับกลยุทธ์การเป็นองค์กรแห่งความภาคภูมิใจ (Pride) โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องภายใต้ทิศทางยุทธศาสตร์ชาติสู่ไทยแลนด์ 4.0

ซึ่งแนวทาง PTT 3D ได้แก่ กลยุทธ์ Do Now คือ การมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ, Decide Now เป็นการขยายการเติบโตที่ต้องเร่งตัดสินใจ และ Design Now คือการเร่งสร้างธุรกิจใหม่ให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต โดยการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ และพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่คุณค่าด้านไฟฟ้า และธุรกิจใหม่ภายใต้ห่วงโซ่คุณค่าด้านชีวภาพ เป็นต้น

กลุ่ม ปตท.เตรียมลงทุนใน 5 ปี (2560-2564) โดยเน้นลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เช่น โครงการคลังแอลเอ็นจี โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ โครงการปรับปรุงโรงกลั่นและปิโตรเคมี และโครงการธุรกิจใหม่ (New S-Curve) เช่น อุตสาหกรรมชีวภาพ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม โครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเล่ย์ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) โดยมีการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ

นายเทวินทร์กล่าวต่อไปว่า ปตท.เตรียมตั้งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านเทคโนโลยี (Chief Technology Officer) เพื่อเป็นศูนย์กลางที่ให้ความสำคัญต่อการผลักดันและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดโครงสร้างธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตลอดจนจัดโครงสร้างกองทุนร่วมลงทุน (Corporate Venture Capital หรือ CVC) เพื่อลงทุนต่อยอดธุรกิจในอนาคต ทาง ปตท.ได้มีการร่วมลงทุนไปแล้ว 4 กองทุนในสหรัฐฯ คิดเป็นวงเงิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ
กำลังโหลดความคิดเห็น