ไออาร์พีซีตั้งเป้าปีหน้ามีกำไรทุบสถิติสูงสุดหลังการปรับปรุงโครงการ UHV และโครงการ Everest แล้วเสร็จ พร้อมเตรียมเสนอบอร์ดอนุมัติลงทุนโครงการ Beyond Everest มูลค่า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐด้วย
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทจะมีผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากรับรู้รายได้โครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สูงสุด (UHV) และการขยายกำลังการผลิตโพลีโพรพิลีน (PP) ที่จะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ รวมถึงโครงการ Everest เพื่อเพิ่มขีดความสามารถองค์กรในทุกด้านที่จะปิดโครงการในสิ้นปีนี้ จะทำให้บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) อยู่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงโครงการ UHV เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากเปิดการผลิตมาตั้งแต่ ก.ค. 2559 แต่เพิ่มมาร์จิ้นได้เพียง 1.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 1.5-2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้นบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการปรับเปลี่ยนสูตรของสารเร่งปฏิกิริยา (Catalyst) เพื่อให้สามารถผลิตโพรพิลีนมากขึ้น จากปัจจุบัน yield ของโพรพิลีนอยู่ที่ 18% หรือผลิตได้เพียง 2.5 แสนตัน/ปี จากเดิมตามแผนงานต้องได้ yield 22% หรือคิดเป็น 3.2 แสนตัน/ปี ทำให้มาร์จิ้นหายไป 30 เซ็นต์/บาร์เรล หรือ 600 ล้านบาท/ปี คาดว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จในปลายปีนี้
นอกจากนี้ยังมีโครงการติดตั้ง catalyst cooler เพื่อให้ใช้น้ำมันดิบได้หลากหลาย หากการปรับปรุงทั้ง 2 โครงการแล้วเสร็จจะทำให้โครงการ UHV กลับมาผลิตได้ตามแผน
รวมทั้งมีการลงทุนโครงการ Max Gasoline ติดตั้งหอกลั่น ลงทุนอีก 1,100 ล้านบาท ซึ่งจะดึงสารเบนซีนจากสารประกอบ (Component) ที่เดิมต้องส่งออก แล้วนำเข้าจีเบสมาผลิตน้ำมันเบนซิน ทำให้บริษัทสามารถผลิตน้ำมันเบนซินได้เพิ่มอีก 25 ล้านลิตร/เดือนเพื่อจำหน่ายในประเทศ จากปัจจุบันประเทศไทยต้องนำเข้าเบนซิน 130 ล้านลิตร/เดือน โครงการนี้ทำให้บริษัทได้มาร์จิ้นเพิ่ม 40 เซ็นต์/บาร์เรล คาดว่าจะเสร็จในเดือน พ.ย.นี้
นายสุกฤตย์กล่าวต่อไปว่า บริษัทจะเสนอผลศึกษาความเป็นไปได้โครงการลงทุน Beyond Everest มูลค่ารวม 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 4 หมื่นล้านบาทต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติในไตรมาส 3 นี้ เมื่อคณะกรรมการบริษัทฯ เห็นชอบก็จะใช้เวลาดำเนินโครงการ 4-5 ปี เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จจะทำให้ไออาร์พีซีเป็นโรงกลั่นที่มีกำลังผลิตปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น 28% จากปัจจุบันทำได้ 15% ของการใช้นำมันดิบใกล้เคียงกับโครงการ Victory ที่กลุ่ม ปตท.เคยมีแผนจะลงทุนในเวียดนาม และจะส่งผลให้กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มตามราคาตลาด (Market GIM) ยืนอยู่เหนือ 20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากช่วงครึ่งปีแรกนี้อยู่ที่ระดับ 14.33 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ โครงการ Beyond Everest ประกอบด้วย 2 โครงการ คือ 1. โครงการผลิตอะโรเมติกส์ขนาด 1.1 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดจากโครงการ UHV โดยใช้วัตถุดิบจากโครงการดังกล่าว และ 2. โครงการขยายกำลังผลิตแนฟทาแครกเกอร์ ทำให้ได้เอทิลีนเพิ่มอีก 3 แสนตันต่อปี
โครงการลงทุนดังกล่าวข้างต้นเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นจากกระแสการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาแทนที่น้ำมัน โรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซีจึงหันไปเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเคมีเพิ่มมากขึ้นและลดการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปลง