ผู้จัดการรายวัน 360 - “ทีเส็บ” จับมือ 4 องค์กรเอกชน “สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน, สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย), สมาคมโรงแรมไทย, สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย)” ร่วมลงนาม MOU มุ่งพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ไทย รองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจไมซ์อย่างยั่งยืน พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในระดับสากล สอดรับยุทธศาสตร์รัฐบาลที่ส่งเสริมให้ไมซ์เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นางนิชาภา ยศวีร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมไมซ์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยในลำดับต้นๆ โดยในปี 2559 ประเทศไทยได้ต้อนรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์กว่า 1.2 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 1 แสนล้านบาท ถือเป็นธุรกิจดาวเด่นของไทยในภาคบริการที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยรัฐบาลได้กำหนดให้ไมซ์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมภาคบริการสำคัญที่นอกจากจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ชุมชน พัฒนาบุคลากร และผู้ประกอบการแล้ว การจัดงานไมซ์ยังก่อให้เกิดองค์ความรู้ การแลกเปลี่ยนนวัตกรรม การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และการลงทุนใหม่ๆ อีกด้วย
“ทีเส็บ” เล็งเห็นความจำเป็นในการพัฒนาศักยภาพและยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมไมซ์ให้ครบทุกมิติ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มผู้ประกอบการหลัก กลุ่มผู้ประกอบการใหม่ เมืองแห่งไมซ์ และกลุ่มภาคการศึกษา จึงเกิดเป็นความร่วมมือกับสมาคมพันธมิตร ได้แก่ สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) สมาคมโรงแรมไทย และสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) ในการทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจไมซ์อย่างยั่งยืนต่อไปตามแนวนโยบายประชารัฐของรัฐบาล เพราะภาคเอกชนเหล่านี้ต่างมีความเชี่ยวชาญ มีศักยภาพ และมีความพร้อมในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ในด้านต่างๆ
ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังเพื่อพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมไมซ์ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติที่สนับสนุนให้ไมซ์เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือนั้น ประกอบไปด้วยรายละเอียดสำคัญดังนี้ 1) สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และพัฒนาบุคลากรในด้านที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและยกระดับความพร้อมของบุคลากรของประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น
2) ส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานของบุคลากรและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อยกระดับการแข่งขันของประเทศไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ 3) สร้างความตระหนักด้านการจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืน โดยการให้ความรู้และสนับสนุนให้เกิดการนำไปปฏิบัติในองค์กรและในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืนในระดับนานาชาติ 4) ส่งผู้แทนซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านไมซ์เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ รวมทั้งปฏิบัติและดำเนินการตามแผนงานและภารกิจที่ได้ตกลงไว้อย่างสัมฤทธิผล
5) แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน ทั้งในและต่างประเทศ และข้อมูลข่าวสารที่สำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ 6) ประชาสัมพันธ์และสนับสนุนให้บุคลากรในองค์กร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์อย่างยั่งยืน รวมถึงเชื่อมโยงเว็บไซต์ของหน่วยงาน 7) จัดหาวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านไมซ์ เพื่อแบ่งปันความรู้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ประสานงานให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาของสถาบันการศึกษาภายใต้โครงการหลักสูตรไมซ์มาตรฐานสากลให้ได้เข้าฝึกงานในองค์กรและในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ 8) ร่วมกันปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมายในภารกิจอื่นๆ ตามที่ได้ตกลงไว้
นางนิชาภากล่าวในตอนท้ายว่า ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว “ทีเส็บ” และสมาคมพันธมิตร รวมถึงภาคการศึกษา มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์” (National MICE Capabilities Development Committee) เพื่อร่วมกันวางแผนและกำหนดแนวทางการพัฒนามาตรฐานบุคลากรและองค์กรในอุตสาหกรรมไมซ์ตลอดจนสร้างเครือข่าย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร ประสบการณ์ รวมถึงเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาเข้าฝึกปฏิบัติงานกับผู้ประกอบการไมซ์โดยตรง มุ่งสู่การผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาด้านไมซ์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาดหวังว่าความร่วมมือนี้จะเป็นการเชื่อมโยงและบูรณาการการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นแนวทางการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยอย่างยั่งยืน สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล