บริษัท ไมซ์แอนด์คอมมูนิเคชั่น จำกัด ร่วมมือกับ เทศบาลเมืองแสนสุข จังหวัดชลบุรี จัดงาน “วิ่งมาราธอน บางแสน 42” ภายใต้แนวคิด “The Passion of World-Class Marathon” ในวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2560 ณ ชายหาดบางแสน จังหวัดชลบุรี พร้อมนำเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาโดยคนไทยเข้ามายกระดับการจัดงานวิ่งมาราธอนของไทยสู่ระดับมาตรฐานโลก IAAF Gold Label Road Race ปักหมุดเป็นสนามมาราธอนที่ห้ามพลาด หวังดึงดูดนักวิ่งไทยและต่างชาติ
นายรัฐ จิโรจน์วณิชชากร กรรมการผู้จัดการบริษัท ไมซ์แอนด์คอมมูนิเคชั่น จำกัด ผู้ให้บริการด้านการจัดงานประชุมและสัมมนาอย่างครบวงจร ในฐานะผู้จัดการแข่งขัน “วิ่งมาราธอน บางแสน 42” เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ จัดงานบางแสน 21 ครั้งแรกเมื่อปี 2558 จนประสบความสำเร็จและได้รับเสียงเรียกร้องจากนักวิ่งมาราธอนให้จัดงานขึ้นอีกนั้น บริษัทฯ ใช้เวลาเตรียมการมา 2 ปีจึงกำหนดจัดงาน “วิ่งมาราธอน บางแสน42” ภายใต้แนวคิด “The Passion of World-Class Marathon” ในวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2560 เวลา 03:30-10:30 น. ณ ชายหาดบางแสน จังหวัดชลบุรี โดยตั้งเป้าให้เป็นงานวิ่งที่ได้มาตรฐานระดับโลก IAAF Gold Label Road Race ในปี 2565 และมีจุดมุ่งหมายให้เป็นงานวิ่งที่ยิ่งใหญ่ของประเทศที่นักวิ่งไทยและต่างชาติจัดอันดับให้เป็นงานวิ่งมาราธอนที่พลาดไม่ได้ เช่นเดียวกับ โตเกียว มาราธอน, บอสตัน มาราธอน และเบอร์ลิน มาราธอน เป็นต้น
สิ่งที่นักวิ่งจะได้พบในงานวิ่ง “มาราธอน บางแสน 42” คือมาตรฐานการจัดงานเช่นเดียวกับงานวิ่งใหญ่ในต่างประเทศ ตามมาตรฐานที่ IAAF กำหนด อันได้แก่ การได้รับการรับรองมาตรฐานระยะวิ่งจากสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (IAAF) และสมาคมมาราธอนและการแข่งขันระยะไกลนานาชาติ (AIMS) การได้รับการรับรองการจัดการแข่งขันจากสหพันธ์กรีฑาแห่งเอเชีย (AAA) และสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (AAT) การปิดการจราจร 100% ตลอดการแข่งขัน มีระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้มาตรฐาน พร้อมทีมแพทย์เคลื่อนที่และรถฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังมีการทำประกันอุบัติเหตุ วงเงินรักษาพยาบาล 100,000 บาท ให้นักวิ่งทุกคน รวมถึงจะมีการสุ่มตรวจการใช้สารกระตุ้น (Anti-Doping) ตามมาตรฐานการจัดงานวิ่งของ IAAF Label Road Race อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบคัท-ออฟมาใช้อย่างเข้มงวด โดยให้เวลาการแข่งขันทั้งสิ้น 7 ชั่วโมง และมีจุดเช็คพอยท์ทั้งหมด 5 จุด หากนักวิ่งมาไม่ทันเวลาคัท-ออฟ จะถูกเชิญออกจากการแข่งขัน เช่นเดียวกับงานมาตรฐานสากลอื่น เพื่อประโยชน์ด้านความปลอดภัยของนักวิ่งเอง
จุดเด่นอีกด้านของงานนี้คือการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้กับการแข่งขัน ซึ่งพัฒนาโดยโปรแกรมเมอร์ชาวไทยจากทีม ThaiRun เช่น ระบบ e-Slip รายงานผลการแข่งขันผ่าน SMS โดยผลการแข่งขันจะถูกส่งให้นักวิ่งแต่ละคนทันทีหลังเข้าเส้นชัย และยังได้นำระบบ Face Recognition (ระบบจดจำใบหน้า) มาใช้ในงานเพื่อช่วยในเรื่องของการแข่งขันในด้านต่างๆ อาทิ การตัดสินนักวิ่งที่ได้รับรางวัล, การค้นหารูปถ่ายของนักวิ่ง เป็นต้น
งานวิ่ง “มาราธอน บางแสน 42” จะเป็นงานวิ่งครั้งแรกของประเทศไทยที่มีระยะมาราธอนระยะเดียว โดยเส้นทางวิ่งเริ่มจากถนนหน้าหาด บริเวณศูนย์ประชุมบางแสนเฮอริเทจ ผ่านวงเวียนบางแสน มุ่งสู่สะพานชลมารควิถี 84 พรรษา แลนมาร์คใหม่ของจังหวัดชลบุรี หลังจากนั้นจะผ่านตลาดอ่างศิลา ศาลเจ้านาจาไท่จื้อ เขาสามมุก แหลมแท่น และวิ่งเลียบแนวชายหาด เพื่อเข้าสู่เส้นชัย
ในส่วนของเสื้อวิ่งได้ร่วมมือกับแบรนด์กีฬาระดับโลก 2 แบรนด์ดัง โดยเสื้อวิ่งของงานใช้แบรนด์ PUMA ขณะที่นักวิ่งทุกคนที่เข้าเส้นชัยก่อนเวลาคัท-ออฟ จะได้รับเสื้อฟินิชเชอร์ แบรนด์ CEP อีก 1 ตัว สำหรับเหรียญฟินิชเชอร์ผลิตด้วยโลหะเกรดพรีเมี่ยม จากโรงงานผลิตเหรียญรางวัลระดับโลก ออกแบบด้วยแนวคิด “ค่ำคืนแห่งดวงดาว” สามารถเรืองแสงได้ในที่มืด และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่นักวิ่งรอคอยคือ รางวัลพิเศษ Top 100 ทั้งชายและหญิง...แต่จะเป็นของรางวัลอะไรนั้นเจ้าของงานขออุบไว้ก่อน
งาน “วิ่งมาราธอน บางแสน 42” เปิดลงทะเบียนรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ที่ www.BANGSAEN42.com (ค่าสมัครราคา1,500 บาท)