พูดถึง "มาราธอน" เชื่อว่าหลายคนรู้จักกันดี เพราะมีการจัดขึ้นมากมาย แต่การวิ่งมาราธอนที่ถือเป็นมาตรฐานโอลิมปิกสากล น้อยคนนักจะรู้ว่าในโลกนี้มีรายการหลักๆ อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 6 รายการ ซึ่งถือเป็นรายการวิ่งระดับโลกที่นักวิ่งหลายคนอยากไปลงสนามสักครั้งในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นบอสตัน มาราธอน (รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา), ลอนดอน มาราธอน (ประเทศอังกฤษ), บีเอ็มดับเบิลยู เบอร์ลิน มาราธอน (ประเทศเยอรมนี), ชิคาโก มาราธอน (รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา), นิวยอร์ก ซิตี้ มาราธอน (รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา) และโตเกียว มาราธอน (ประเทศญี่ปุ่น) ซึ่งในปีนี้ว่ากันว่า สนามวิ่งที่เบอร์ลินมาแรงมากๆ
"หลักๆ ที่คนไทยมักจะเคยได้ยิน และรู้จักก็คือบอสตัน มาราธอน, บีเอ็มดับเบิลยู เบอร์ลิน มาราธอน และลอนดอน มาราธอน" ครูดิน-สถาวร จันทร์ผ่องศรี อดีตนักวิ่งมาราธอนทีมชาติไทยบอก และเผยต่อไปว่า "ลอนดอน มาราธอนในปีนี้ ถือว่าเป็นสนามวิ่งที่ทำสถิติโลกของการรับสมัครสูงที่สุดในประวัติการณ์ คือเกือบๆ 400,000 คน ซึ่งเยอะมากครับ และในปีนี้ได้ข่าวว่าคนไทยไปเยอะเหมือนกัน
ครูดิน-สถาวร จันทร์ผ่องศรี อดีตนักวิ่งมาราธอนทีมชาติไทย
ส่วนบอสตัน มาราธอน ถือเป็นรายการวิ่งที่เก่าแก่ มีมายาวนานกว่า 100 ปีแล้ว เริ่มครั้งแรกในปี ค.ศ.1897 แต่ละปีมีนักวิ่งเข้าร่วมเกือบๆ 30,000 คน และเป็นรายการเดียวที่นักวิ่งต้องควอลิฟายด์สถิติเพื่อที่จะเข้าแข่งขัน ถึงแม้จะได้ตามช่วงอายุ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้แข่งนะ ต้องมีการคัดเลือกตามสถิติกันอีก ซึ่งถือเป็นมาราธอนที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับชิคาโก มาราธอนกับนิวยอร์ก ซิตี้ มาราธอนก็มีคนไทยและนักวิ่งทั่วโลกให้ความสนใจไม่แพ้กัน เพราะนอกจากวิ่งแล้ว ยังได้ชมเมืองสวยๆ ซึ่งเป็นแลนมาร์กของเมืองนั้นๆ ด้วย
เห็นได้จาก "บีเอ็มดับเบิลยู เบอร์ลิน มาราธอน" ไม่เพียงแต่เป็นสนามวิ่งที่ทำลายสถิติโลกบ่อยครั้ง ยังเป็นสนามที่น่าสนใจตรงที่นักวิ่งจะรู้สึกเหมือนได้รับอิสรภาพ โดยเฉพาะการวิ่งเข้าประตูบรันเดนบูร์ก ซึ่งในช่วงหลังสงครามได้แบ่งประเทศเยอรมนีออกเป็นสองส่วน และประตูดังกล่าวตั้งอยู่ในเยอรมนีตะวันออก ถูกแยกออกจากเยอรมนีตะวันตก โดยมีกำแพงเบอร์ลินกั้นไว้
ดังนั้นพอได้วิ่งผ่านมันก็เลยให้ความรู้สึกได้รับอิสรภาพ อีกทั้งยังเป็นการวิ่งผ่านสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แต่ก็ไม่หมูเลยนะ ต้องเตรียมตัวไปให้ดี เท่าที่ฟังจากหลายคนต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นสนามที่ยาก และท้าทายมาก"
เช่นเดียวกับความยากในการจอง หรือลงทะเบียนวิ่งในรายการดังกล่าว แม้จะได้ชื่อว่า "มีเงินก็อาจซื้อไม่ได้" แต่ล่าสุดบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เอาใจลูกค้าสายวิ่ง มอบประสบการณ์สุดพิเศษร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสนามวิ่งระดับโลกภายใต้โปรแกรมสิทธิประโยชน์ The Ultimate JOY Experience ซึ่งทำให้สนามวิ่งที่เบอร์ลินในปีนี้คึกคักขึ้นมาเป็นพิเศษ
ปิดท้ายกับหนึ่งเดียวในเอเชียที่ได้รับการยอมรับให้เป็นสนามแข่งขันรายการวิ่งมาราธอนใหญ่ระดับโลกอย่าง "โตเกียว มาราธอน" ครูดินบอกว่า เป็นรายการวิ่งที่สนุกมาก เพราะเคยไปสัมผัสด้วยตัวเองมาแล้ว
"ตั้งแต่ปล่อยตัวจะมีกองเชียร์อยู่ข้างๆ คอยส่งเสียงเชียร์ บริการน้ำ ขนมให้กับนักวิ่งอยู่ตลอด ซึ่งเขาพยายามเชียร์ให้นักวิ่งทุกคนเข้าถึงเส้นชัย เพราะถือว่าการเข้าเส้นชัยคือความสำเร็จหนึ่งในชีวิต นับเป็นรายการน้องใหม่ที่มาแรง เริ่มจัดตั้งแต่ปี 2007 แต่ได้รับการยอมรับและสนใจจากผู้คนทั่วโลก"
สำหรับ "บีเอ็มดับเบิลยู เบอร์ลิน มาราธอน" ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ในระหว่างวันที่ 20-26 กันยายน 2560 นี้ "ครูดิน" ได้รับเกียรติไปเป็นวิทยากรทำเวิร์คช็อปการวิ่งให้กับเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่มีสิทธิ์ไปวิ่งในรายการนี้ด้วย โดยผู้โชคดีดังกล่าวจะต้องเป็นสมาชิกโปรแกรมสิทธิประโยชน์ The Ultimate JOY Experience ซึ่งสมัครได้ฟรีทาง www.BMWultimateJOY.com ก่อนและเตรียมตัวรอลงทะเบียนสมัคร BMW Berlin Marathon พร้อมกันหน้าเว็บไซต์ www.BMWultimateJOY.com/BerlinMarathon ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2560 เวลา 09.00น เพื่อช่วงชิงการเป็น 13 คนแรกที่ได้ไปวิ่ง และเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวสุดพิเศษมากมายในราคาทั้งทริปเพียง 79,000 บาท (ปกติต้องจ่าย 158,000 บาท)
(ลิงค์ข่าวที่เกี่ยวข้อง : วิ่งไปฟินไป! BMW จัดให้ "เบอร์ลินมาราธอน" 1 ใน 6 แลนมาร์กสนามวิ่งระดับโลก
"ผู้โชคดีทั้ง 13 ท่านแรกจะต้องมาเข้าโปรแกรมสำหรับการเทรนด์เป็นนักวิ่งก่อนไปวิ่งในเบอร์ลิน มาราธอน เริ่มแรกคงต้องมานั่งคุยกันเพื่อที่จะดูว่าแต่ละคนมีต้นทุนการวิ่งมากน้อยแค่ไหน จากนั้นจะมีการจัดโปรแกรมเพื่อที่จะวางแผนให้แต่ละคนไปฝึกฝน พัฒนาตัวเอง และพร้อมสู่การวิ่งมาราธอนระดับเมเจอร์ที่ยิ่งใหญ่ของโลกรายการนี้"
ทั้งนี้ ในส่วนของการวิ่งนั้น "การจัดท่าทางการวิ่ง" คือสิ่งที่ครูดินให้ความสำคัญ ซึ่งเหตุผลที่บางคนท้อ ไม่อยากวิ่งก็มาจากตรงนี้ เช่น วิ่งแล้วหนื่อย วิ่งแล้วล้า ดังนั้น ท่าทางการวิ่งที่ดี ศีรษะตั้งตรงเป็นแกนเดียวกับลำตัว แกนกลางลำตัวต้องเป็นแกนตรงตั้งแต่ศีรษะลงไปถึงเท้า ไม่งอพับช่วงเอวไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ลำตัวต้องไม่ส่ายไปมาหรือโยกขึ้นลงขณะวิ่ง แต่ควรปล่อยให้เคลื่อนไหวในลักษณะเบาแบง เป็นธรรมชาติมากที่สุด
"ส่วนแขนกับขาต้องสัมพันธ์กัน ถ้าแขนแกว่งออกนอกลำตัว แกนกลางลำตัวจะแบะออก เท้าทั้งสองข้างก็จะบิดออกไปด้านนอกของลำตัว ซึ่งการเคลื่อนไหวทั้งสองลักษณะจะทำให้การวิ่งไม่พุ่งไปตามทิศทางที่ตรง และเสียระยะทางในการวิ่ง แต่ถ้าปรับการแกว่งแขนในทิศทางที่ถูกต้อง จัดทรงลำตัวที่ดีสร้างความสัมพันธ์ของแขน ขาให้เคลื่อนที่ไปทิศทางที่ตรง เราก็จะวิ่งได้ดีขึ้น นานขึ้น และไกลขึ้น" อดีตนักวิ่งมาราธอนทีมชาติไทย และครูผู้สร้างนักวิ่งหน้าใหม่ให้ความรู้ในเบื้องต้น
สุดท้ายนี้ "ครูดิน" กำลังมีโครงการเพื่อตอบแทนแผ่นดินเกิดในชื่อโครงการ "ก้าวทุกก้าว เหงื่อทุกหยดสู่มาตุภูมิ สร้างสนามกีฬา เพื่อมวลชน" โดยครูดินจะวิ่งจากกรุงเทพมหานครสู่บ้านเกิด จังหวัดพะเยา เป็นระยะทาง 750 กิโลเมตรในวันที่ 30 กรกฎาคมถึง 19 สิงหาคม 2560 เพื่อระดมทุนสร้างสนามกีฬามาตรฐานให้แก่โรงเรียนพะเยาพิทยาคม ซึ่งเป็นจังหวัดเดียวในภาคเหนือที่ยังไม่มีสนามกีฬาที่ได้มาตรฐานเลย
หากท่านใดสนใจไปวิ่งกับครูดิน หรืออยากช่วยระดมทุน สามารถบริจาคได้ที่บัญชีสะสมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาแฟชั่นไอซ์แลนด์ ชื่อบัญชี "ก้าวทุกก้าว เหงื่อทุกหยดสู่มาตุภูมิ สร้างสนามกีฬา เพื่อมวลชน" เลขบัญชี 865-0-70299-9 หรือเข้าไปดูข้อมูลได้ที่เฟซบุ๊ก "ก้าวครูดิน"
ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก SathavornRunningClub
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754