ร.ฟ.ท.เผยมีผู้รับเหมา 13 ราย ยื่นซองประมูลก่อสร้าง รถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ สัญญาที่ 1 วงเงิน 7.3 พันล้าน ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ 17 ก.ค. เปิดเคาะราคา 27 ก.ค.นี้
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการ (บอร์ด) รถไฟได้อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการจัดประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 1 สัญญา ไปเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2560 มีราคากลางที่ 7,305,260,000 บาทโดยมีผู้ซื้อซองไปทั้งสิ้น 38 ราย กำหนดให้ผู้สนใจที่จะยื่นซองเสนอคุณสมบัติและข้อเสนอด้านเทคนิค เข้ายื่นซองในวันที่ 7 กรกฎาคม 2560 นั้น
รถไฟฯ ได้กำหนดให้ยื่นเอกสารที่สถานีรถไฟบางซ่อน เขตบางซื่อ การรถไฟฯ ได้ทำการเปิดรับยื่นซองจากบริษัท ห้างร้าน ที่ประสงค์เข้าเสนอราคาโดยมีผู้สนใจเข้ายื่นซอง จำนวน 13 ราย ประกอบด้วย 1. บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) 3. กิจการร่วมค้า ทีบีทีซี จำกัด 4. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) 5. กิจการร่วมค้า เคเอสเอส (joint Venture แบบไม่จดทะเบียน) 6. บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด 7. บริษัท เสริมสงวนก่อสร้าง จำกัด 8. กิจการร่วมค้าไทยพีคอน-ซีวิล (joint Venture แบบไม่จดทะเบียน) 9. บริษัท พาวเวอร์ คอนสตรัคชั่น เทคโนโลยี จำกัด 10. SHPS Joint Venture (joint Venture แบบไม่จดทะเบียน) 11. บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 12. PPD-EMRAIL JV (joint Venture แบบไม่จดทะเบียน) 13. บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง 1964 จำกัด
นายอานนท์กล่าวว่า การยื่นซองบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยการรถไฟฯ จะแจ้งผลผู้มีสิทธิเสนอราคา ในวันที่ 17 กรกฎาคม 2560 และเสนอราคาในวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 ตามลำดับขั้นตอนต่อไป
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ มีระยะทางการก่อสร้าง จำนวน 84 กิโลเมตร งบประมาณในการก่อสร้าง 9,990.26 ล้านบาท โครงการดังกล่าวเป็นการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่
หากก่อสร้างดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มความจุทางได้มากขึ้น ลดระยะเวลา และประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงที่ใช้ในภาคการขนส่งของประเทศ ลดปัญหามลพิษที่มีต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพของการขนส่งสาธารณะ ทั้งพื้นที่ชนบท เมือง และระหว่างประเทศ เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนน และจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้บริการทางรางให้มากยิ่งขึ้นต่อไป
