ผู้รับเหมาปรับแผนก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น เผยความก้าวหน้า 21.98% เร็วกว่าแผน 0.47% คาดว่าจะแล้วเสร็จทันตามกำหนดภายในต้นปี 62 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางและการขนส่งสินค้าทางรถไฟในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทางประมาณ 187 กิโลเมตร ขณะนี้มีความก้าวหน้า 21.98% เร็วกว่าแผนงาน 0.47% โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ลงนามสัญญาว่าจ้างกิจการร่วมค้าซีเคซีเอช (บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด) เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งผู้รับจ้างได้ขอปรับเปลี่ยนแผนงานเพื่อให้การก่อสร้างรวดเร็วยิ่งขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จทันตามกำหนดภายในต้นปี 2562
ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับบริเวณสถานีขอนแก่น ระยะทาง 5 กิโลเมตร เพื่อแก้ไขปัญหาจุดตัดระหว่างทางรถยนต์กับรถไฟ ถมคันทางรถไฟ วางรางใหม่ และเปิดใช้สถานีชั่วคราวที่สร้างทดแทนสถานีเดิมที่ถูกรื้อย้ายออกจากพื้นที่ก่อสร้าง
ทั้งนี้ แนวเส้นทางโครงการฯ มีสถานีที่อยู่ในพื้นที่การก่อสร้าง 18 แห่ง โดยมีสถานีที่ได้รับผลกระทบและต้องรื้อถอน 16 แห่ง ซึ่ง ร.ฟ.ท.ได้รับการประสานงานจากหน่วยงานราชการ องค์กรท้องถิ่น และองค์กรสาธารณะกุศล ขออนุรักษ์อาคารสถานีรถไฟเก่าไว้ จำนวน 14 แห่ง ได้แก่ สถานีบ้านเกาะ สถานีหนองแมว สถานีโนนสูง สถานีบ้านดอนใหญ่ สถานีเมืองคง สถานีโนนทองหลาง สถานีหนองบัวลาย สถานีหนองมะเขือ สถานีเมืองพล สถานีบ้านหัน สถานีบ้านไผ่ สถานีบ้านแฮด สถานีท่าพระ และสถานีขอนแก่น
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้ให้ผู้ร้องขอเป็นผู้รับผิดชอบงบประมาณการขนย้ายวัสดุ ตัวอาคาร และประกอบอาคาร รวมทั้งจัดหาพื้นที่จัดวางอาคารสถานีรถไฟ ขณะนี้ ร.ฟ.ท.ได้เร่งรัดให้ผู้รับจ้างก่อสร้างสถานีแห่งใหม่ให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน
ภายหลังจากโครงการฯ ดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดให้บริการจะช่วยทำให้รูปแบบการเดินทางเปลี่ยนจากถนนเป็นระบบรางเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีผู้ใช้บริการประมาณ 27,200-38,800 คน/วัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 37,000-55,000 คน/วัน ปริมาณการขนส่งสินค้าที่ผ่านเส้นทางประมาณ 10,900-11,300 ตัน/วัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 36,400 ตัน/วัน ในปี 2577 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนและการขนส่งสินค้า รวมทั้งระบบลอจิสติกส์ของประเทศ สามารถรองรับการเดินทางและขนส่งสินค้าทางรถไฟในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือได้อย่างมีประสิทธิภาพ