เงินเฟ้อเดือน มิ.ย.ลดลง 0.05% ติดลบเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน เหตุผักและผลไม้ราคาลดลงแรงเพราะปีนี้ไม่มีปัญหาภัยแล้ง ขณะที่สินค้าอื่นราคาทรงตัว ประกาศปรับคาดการณ์เงินเฟ้อใหม่เหลือ 0.7-1.7% จากเป้าเดิม 1.5-2.2% หลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงจากเดิมที่คาดไว้สูง
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน มิ.ย. 2560 เท่ากับ 100.66 เพิ่มขึ้น 0.02% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา และลดลง 0.05% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย. 2559 ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน และเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปี 2560 (ม.ค.-มิ.ย.) เพิ่มขึ้น 0.67%
สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อเดือน มิ.ย.ลดลง 0.05% เนื่องจากสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ลดลง 0.70% โดยสินค้าสำคัญที่ลดลง เช่น ผักสด ลด 9.71% ผลไม้สดลด 4.87% ข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งลด 1.86% เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ ลด 0.62% ส่วนเครื่องประกอบอาหารเพิ่ม 1.31% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่ม 1.01% อาหารบริโภคในบ้านเพิ่ม 0.81% นอกบ้านเพิ่ม 1.11%
ส่วนสินค้าหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่ม 0.32% โดยสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น เช่น น้ำมัน เพิ่ม 0.63% ค่าโดยสารสาธารณะ เพิ่ม 0.15% เครื่องนุ่งห่มและรองเท้าเพิ่ม 0.02% เคหสถานเพิ่ม 0.62% การรักษาและบริการส่วนบุคคลเพิ่ม 0.26% การบันเทิงการอ่านและการศึกษาเพิ่ม 0.67% ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์เพิ่ม 0.12% ส่วนการสื่อสารลด 0.03%
“เงินเฟ้อเดือน มิ.ย.ที่ปรับตัวลดลง ตัวฉุดหลักมาจากราคาผักและผลไม้ที่ปรับตัวลดลง เพราะปีก่อนฐานสูงจากการเกิดภัยแล้ง แต่ปีนี้ไม่มีปัญหาภัยแล้ง ราคาก็เลยเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่สินค้ากลุ่มอื่นๆ ส่วนใหญ่มีราคาทรงตัว” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า สนค.ได้ปรับประมาณการเงินเฟ้อทั้งปี 2560 ใหม่เป็น 0.7-1.7% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 1.5-2.2% เพราะสมมติฐานหลายๆ ตัวเปลี่ยนแปลงไป โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ที่ 3-4% เท่าเดิม แต่ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับลดลงมาอยู่ที่ 45-55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิม 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 34-36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากเดิม 35.5-37.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
“การปรับลดประมาณการเงินเฟ้อลงมาอยู่ที่ 0.7-1.7% เพราะเดิมเคยคาดว่าราคาน้ำมันปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่กลับกลายเป็นว่าปรับตัวลดลง และในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะยังคงทรงตัวในระดับนี้ไปต่อเนื่อง ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนก็มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ก็เลยทำการปรับเป้าเงินเฟ้อลงมา โดยเงินเฟ้อทั้งปีหากอยู่ในระดับนี้ถือว่าเหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และยังเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจอื่นๆ” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
